ทำเนียบเกียรติยศ (Hall of Fame)

บุคคลคุณภาพแห่งปี 2011 ด้านสาธารณสุข

 

 

รศ.นพ.สภา ลิมพาณิชย์การ (อายุ 79 ปี)

(หมอ 5 บาท)

 

1.  หน้าที่ความรับผิดชอบในปัจจุบัน                   

ที่ปรึกษาสถานเทคโนโลยีการศึกษาแพทยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล

 

2. ประวัติการศึกษา

พ.ศ. 2494     เตรียมอุดมศึกษา โรงเรียนเซ็นต์คาเบรียล

พ.ศ. 2502     แพทยศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยมหิดล

พ.ศ. 2507     ประกาศนียบัตร Art as Applied to Medicine, The Johns Hopkins Hospital

                   ประกาศนียบัตรนักประชาสัมพันธ์ฝ่ายอำนวยการ รุ่นที่ 7

พ.ศ. 2503     อาจารย์โท ภาควิชากายวิภาคศาสตร์

พ.ศ. 2511     อาจารย์เอก ภาควิชากายวิภาคศาสตร์

พ.ศ. 2516     ผู้ช่วยศาสตราจารย์

พ.ศ. 2530     รองศาสตราจารย์

 

3. นโยบายและอุดมการณ์ในการทำงาน

เอาใจเขามาใส่ใจเรา รักงาน และมีความสุขกับการทำงาน หมั่นค้นคว้าหาความรู้ใหม่ๆอยู่เสมอ

 

4. รางวัลและความสำเร็จในชีวิตการทำงาน

1. สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระราชทานโล่เกียรติคุณ รางวัล “น้ำใจงาม” ด้านการสงเคราะห์ และพัฒนาคุณภาพชีวิต อันดับที่ 1 ประจำปี พ.ศ. 2547 รายการคัดเลือกของผู้ชมรายการ “ฟ้าใส น้ำใจงาม”

2. โรตารี่ ธนบุรี  พ.ศ. 2518

3. ทีวีอาสา

4. โรตารี่ สีลม พ.ศ. 2550

5. โรตารี่ เจริญนคร พ.ศ. 2551 – 2552

6. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์มอบโล่เชิดชูเกียรติ ผู้นำคุณประโยชน์ดีเด่น แก่ผู้อยู่ในภาวะยากลำบาก ประจำปี 2550

7. ศิษย์เก่าดีเด่นและศิษย์เก่าดียอดเยี่ยม พ.ศ. 2543 โดยสมาคมศิษย์เก่าเซนต์คาเบรียล โดยได้รับพระราชทานเข็มที่ระลึกเพื่อเชิดชูเกียรติจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พ.ศ. 2544

8. ศิษย์เก่าแพทย์ศิริราชดีเด่น พ.ศ. 2546 สาขาการบริการชุมชนทั้งหมดได้จากการทำงานที่สำนักงานแพทย์ตลอดระยะเวลาเกือบปี 50 ปี โดยเฉพาะการเรียนขานจากสื่อว่า “หมอ 5 บาท”

9. แม้จะเกษียณแล้ว แต่ได้รับความไว้วางใจให้เป็นที่ปรึกษาต่อ และสอนถ่ายภาพระบบร่างกายต่ออีก 10 ปี ต่อจากนั้น 6 ปีหลัง ก็ยังได้รับเป็นที่ปรึกษาต่อถึงปัจจุบัน

 

5. ทรรศนะต่อวงการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

             อยากให้ประชาชนทั่วไปรู้จักและเข้าใจวงการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมากขึ้นกว่านี้ ทุกสิ่งทุกอย่างจะได้ดำเนินไปได้อย่างสะดวก

 

6กิจการอันเป็นคุณประโยชน์เพื่อสังคม สาธารณกุศล

 

“การทำความดีไม่มีเกษียณอายุ  ทุกคนสามารถเริ่มทำดีตั้งแต่เกิดจนตาย"  เป็นคำกล่าวถึงเรื่องการทำดีของ รศ.นพ. สภา ลิมพาณิชย์การ  คุณหมอใจดีผู้เปิดคลินิก "แพทย์สภา" รับรักษาคนป่วยที่คิดค่ารักษาในราคาแสนประหยัดเพียง 5 - 70 บาท โดยเริ่มต้นเก็บเงิน 5 บาท สำหรับคนไข้ที่ปวดหัวตัวร้อนเป็นไข้หวัด  หากไม่มีเงินจริงๆ  ก็ไม่คิดเงิน หรือถ้ามีไม่พอให้เท่าไหร่ก็เท่านั้น จนเป็นที่มาของฉายา "หมอ 5 บาท"

            ปัจจุบัน คุณหมอสภามีอายุ  79  ปี แม้ว่าจะเกษียณอายุมาแล้ว 19 ปี แต่ด้วยความรักในวิชาชีพและความมีมนุษยธรรมอันเปี่ยมล้น คุณหมอสภาจึงไม่ยอมเกษียณตัวเองออกจากหน้าที่ ทั้งการเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาโรงเรียนเวชนิทัศน์  หน่วยงานในสถานเทคโนโลยีการศึกษาแพทย์ศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล คุณหมอจะเดินทางมาทำงานที่ศิริราชตั้งแต่วันจันทร์-ศุกร์   จนถึง 5 โมงเย็น ก่อนจะขับรถไปเปิดคลินิกที่ซอยระนอง 1 ถนนพระราม 5 ปิดวันเสาร์และเปิดวันอาทิตย์

รศ.นพ.สภา  เริ่มเปิดคลินิกสำนักงานแพทย์มาตั้งแต่ พ.ศ. 2507 ตามคำชักชวนของเพื่อน แต่เมื่อทำไปได้สักพักหนึ่ง เพื่อนของคุณหมอสภาก็ขอถอนตัว คุณหมอจึงทำคลินิกนี้แต่เพียงผู้เดียว โดยรับรักษาโรคทั่วไป จะเก็บเงินเฉพาะค่ายาและเวชภัณฑ์เท่านั้น  โดยไม่คิดค่าวินิจฉัยโรค  แต่ถ้าหากคนไข้ไม่มีเงินจริงๆ ก็ไม่คิดเงิน หรือหากมีไม่พอจะให้เท่าไหร่ก็ได้  เพราะรู้สึกเห็นใจคนไข้ และไม่ต้องการให้ไปซื้อยารับประทานเอง ตามความเคยชินของคนไทยที่มักจะไปร้านขายยาโดยไม่มีใบสั่งแพทย์  ผลเสียคือ  ผู้ป่วยจะไม่รู้ว่าตนเองแพ้ยาชนิดนั้นหรือไม่ และจะทำให้ดื้อยาอีกด้วย

            "ผมจะแนะนำคนไข้ว่า ควรปฏิบัติตัวอย่างไรบ้างถึงจะหายป่วย  บางทีก็ต้องบังคับให้คนไข้เชื่อฟัง  เพราะจับได้ว่ากินยาไม่ครบ  เลยต้องกำชับให้กินตามคำสั่ง ที่ผ่านมายังไม่มีผู้ป่วยได้ยาจากผมแล้วมีอาการดื้อยาหรือแพ้ยา  และจะให้ยากินไป  2 วันเท่านั้น เพราะไม่ต้องการให้เอายาไปทิ้งขว้าง เวลาจ่ายยาจะถามก่อนว่า มียาอะไรเหลืออยู่ที่บ้าน จะได้ไม่ให้ยาซ้ำกัน" ที่น่ายกย่องคือ  คุณหมอสภาไม่เคยคิดถึงผลประโยชน์ว่าจะกำไรหรือขาดทุน  เพราะมองว่าไม่ได้ลงทุนสูงเท่าคลินิกอื่นๆมีค่าใช้จ่ายแต่เพียงตัวยาเท่านั้น ที่จะสั่งซื้อจากบริษัทที่ได้ลิขสิทธิ์มาผลิตยาในไทย  เวลาสั่งซื้อแต่ละครั้งจะสั่งจำนวนมากๆ ซึ่งได้ราคาถูก ประหยัดเงินได้มาก  แม้ในช่วงหลังๆ  สั่งซื้อยาจำนวนน้อยลง  แต่บริษัทผลิตยาก็ยังขายในราคาเดิมเป็นการช่วยเหลือกัน  เพราะทราบว่าคุณหมอไม่ได้ทำธุรกิจหวังผลกำไร แถมยังต้องถอนเงินบำนาญส่วนตัวมาเป็นค่าซื้อยาให้คนไข้คลินิก ซึ่งคิดราคาตั้งแต่ 5-70 บาท  "ผมไม่คิดว่า สิ่งที่ทำไปนั้นเป็นการช่วยเหลือ แต่ผมทำตามหน้าที่ของแพทย์ต่อคนไข้ เราก็ต่างเป็นคนไทยด้วยกัน  เวลาคนไข้มาหา ผมยังคิดว่าเป็นญาติพี่น้องกัน คุยกันได้ทุกเรื่อง เมื่อเรามีพอกินพอใช้  ก็แบ่งปันกัน  ไม่เคยคิดเรื่องทรัพย์สินเงินทอง ว่าต้องสูญเสียไปมากน้อยเท่าไหร่ ถ้าเห็นคนไข้หายดี ก็ทำให้ผมมีความสุขแล้ว"

            หลายๆครั้งที่มีคนถามคุณหมอสภาว่าคุ้มไหม คุณหมอสภาจะตอบไม่ได้ว่าคุ้มหรือไม่ กำไรหรือขาดทุน เพราะคุณหมอรู้ดีว่าขาดทุนทุกวันไม่มากก็น้อย  แต่คุณหมอก็ไม่ได้คิดอะไร กลับมองว่าตัวเองไม่ได้มีค่าใช้จ่ายอะไรมากนัก ลูกเต้าก็มีงานทำที่ดีแล้ว แม้จะมีแต่คนเตือนเรื่องขาดทุน แต่คุณหมอก็ยังไม่มีความคิดที่จะเลิกทำ ยังคงเป็นห่วงผู้ป่วย เวลาที่ยาหมดก็ต้องสั่งซื้อ เงินหมดก็จะถอนเงินบำนาญมาใช้  ไม่เคยคิด ไม่เคยทำบัญชี จึงไม่รู้ว่ากำไรขาดทุนอย่างไร คุณหมอคิดแต่เพียงว่าตนไม่ได้เดือดร้อนอะไรในเรื่องค่าใช้จ่าย ทำไปเรื่อยๆเท่าที่จะทำได้  คุณหมอมีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องการทำความดีว่า  เมื่อเราเกิดมาก็สามารถทำดีได้ตลอดเวลาจนกระทั่งไม่มีเรี่ยวแรงจะทำแต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนแปลงไป ก็ทำให้ผู้คนในสังคมนึกถึงตัวเองมากขึ้น  การช่วยเหลือกันน้อยลง  มุ่งแต่จะเอาตัวเองให้รอดก่อน  สภาพแวดล้อมและสถานการณ์ต่างๆ ก็มีส่วนทำให้คนเห็นแก่ตัวเพิ่มขึ้นอีกด้วย

            รศ.นพ.สภา มีความคิดเห็นต่อบุคลากรทางการแพทย์รุ่นใหม่ ที่กำลังจะก้าวเข้ามาทดแทนคลื่นลูกเก่าว่า  การทำความดีไม่สามารถบอกให้ทำกันได้ว่าทำอย่างไร  แต่เราสามารถเริ่มต้นกระทำให้ดูเป็นตัวอย่างได้  ดังนั้น นักศึกษาแพทย์ควรเรียนรู้จิตใจและวิถีปฏิบัติของคุณหมอท่านนี้ ไว้เป็นต้นแบบของผู้กระทำประโยชน์ต่อสังคม โดยไม่หวังผลตอบแทน ส่วน “จรรยาบรรณของแพทย์” ก็เหมือนอาชีพอื่นๆที่มีเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพสังคม จิตใจคนเราก็เปลี่ยนไป การช่วยเหลือกันมันน้อยลง เรื่องคดีความระหว่างคนไข้กับหมอที่เกิดขึ้นมากในเวลานี้เป็นเพราะวิวัฒนาการที่เรากำลังวิ่งตามต่างประเทศ วิ่งตามเทคโนโลยี สมัยก่อนคนไทยไม่กล้าฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายกับหมอ  แต่เดี๋ยวนี้เมื่อคนมีความรู้มากขึ้น สื่อนำเสนอข่าวมากขึ้น ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่หมอจะถูกคนไข้ฟ้อง เพราะไปทำเขาเสียหายและยังเก็บค่ารักษาแพงอีก

            คุณหมอยังให้ข้อสังเกตเกี่ยวกับสังคมไทยในอนาคตอีก 10 ปีข้างหน้า จะขาดแคลนบุคลากรที่เป็นอาจารย์แพทย์  เพราะ “ปัจจุบันมีแพทย์ที่สนใจจะทำงานในสถาบันศึกษาน้อยลง  เพราะการเป็นอาจารย์ต้องเสียสละเวลา ที่จะถ่ายทอดความรู้  เอาใจใส่ในการสอน  มุ่งมั่นที่จะศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม  ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเป็นอาจารย์สอนได้ ขึ้นอยู่กับทักษะการถ่ายทอดความรู้ให้นักศึกษา รวมทั้งความรักในอาชีพแพทย์เป็นสิ่งสำคัญ   อีกทั้งยังไม่มีเวลาเปิดคลินิกส่วนตัว หารายได้มากเท่ากับแพทย์เฉพาะทาง"

            การกระทำของคุณหมอสภา ไม่เคยทวงบุญคุณ ไม่เคยประกาศยกย่องตัวเอง ว่าเป็นผู้กล้า วีรบุรุษที่เสียสละให้ชาติบ้านเมือง  แต่ไม่คิดว่าเป็นเพราะอุดมการณ์ใดๆ  แต่มาจากจิตสำนึกของความเป็นมนุษย์ ผู้ที่คิดว่าเกิดมาแล้วควรทำเพื่อผู้อื่น

 

7. ประวัติการทำงาน

- ที่ปรึกษาสถานเทคโนโลยีการศึกษาแพทยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

- ผู้อำนวยการโรงเรียนเวชนิทัศน์จนถึงเดือนกันยายน 2537

- อาจารย์สอนวิชามหกายวิภาคศาสตร์

- อาจารย์สอนวิชาถ่ายภาพทางการแพทย์

- ปฏิบัติงานเกี่ยวกับงานถ่ายภาพทั่วไป, ถ่ายภาพ Micro และ Macro

 

 

มูลนิธิสภาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (มสวท.)

กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

สถานที่ติดต่อ :

288/52 อาคารมูลนิธิ มสวท. ถนนพหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร 10220

Tel. +66(0) 2552-5200 Fax. +66(0) 2551-4422 Email : thaifstt@gmail.com 

Copyright © 2008-2015 หากมีปัญหาในการรับชมกรุณาติดต่อ Webmaster ที่ admin@thaifstt.org