พญ.นลินี ไพบูลย์
ประธานกรรมการ - บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด
การศึกษา
แพทยศาสตร์บัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
วุฒิบัตรผู้เชี่ยวชาญด้านสูติ – นรีเวชวิทยา , จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ประวัติส่วนตัวและประวัติการทำงาน
แพทย์หญิง นลินี ไพบูลย์ เกิดวันที่ 31 มกราคม 2502 เป็นบุตรคนโต ในจำนวนพี่น้อง 3 คน ของพล.อ.ต พิมล และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์มณฑา ไพบูลย์ จบการศึกษาคณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และศึกษาต่อเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสูตินรีเวชวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ภายหลังจบการศึกษาแพทย์หญิงนลินี ไพบูลย์ ได้ทำงานรับราชการเป็นสูตินรีแพทย์ ที่แผนกสูตินรีเวช โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมการแพทย์ทหารอากาศ ในช่วงที่ทำงานรับราชการที่โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมการแพทย์ทหารอากาศ แพทย์หญิงนลินี ไพบูลย์ ได้ดำเนินธุรกิจคลีนิกรักษาคนไข้ทั่วไป และด้วยความสนใจเป็นพิเศษในการรักษาโรคผิวหนัง ซึ่งในช่วงที่ศึกษาคณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยนั้น แพทย์หญิงนลินี ได้เข้าเรียนในชั้นเรียนการรักษาโรคผิวหนังเมื่อมีโอกาสด้วยความสนใจใฝ่ศึกษาและ เมื่อดำเนินกิจการคลินิก หลังจบการศึกษาจึงได้นำความรู้ ความสามารถนำมารักษาคนไข้ทั้งโรคทั่วไปและโรคทางผิวหนัง โดยเฉพาะการรักษาโรคผิวหนังซึ่งถือได้ว่าประสบผลสำเร็จอย่างดี จากการรักษาให้คนไข้ที่คลินิก ด้วยเหตุนี้ พ.ญ. นลินี จึงได้เกิดแรงบันดาลใจในการขยายผลต่อเนื่องในการรักษาและดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเพื่อสุขภาพผิวที่ดี และอาหารเสริมประเภทต่างๆ และได้ตัดสินใจเริ่มเปิดดำเนินธุรกิจเครื่องสำอางคและอาหารเสริมแบบครบวงจร ทั้งการผลิตและจำหน่าย โดยเป็นการจำหน่ายในแบบธุรกิจขายตรงและตั้งชื่อบริษัทโดยนำชื่อของบุตรสาว 2 คน คุณกิ๊ฟและคุณฟ้า มารวมเข้าเป็นชื่อ บริษัทกิฟฟารีน ซึ่งแพทย์หญิงนลินี เป็นผู้ริเริ่มก่อตั้ง และดำเนินธุรกิจเป็นผลสำเร็จด้วยดีตลอดมา จนถึงปัจจุบันได้ก้าวเข้าสู่ปีที่ 14 ของบริษัทกีฟฟารีน และบริษัทฯในเครือ
ถึงแม้จะศึกษาทางด้านแพทย์ศาสตร์ และรับราชการเป็นสูตินรีแพทย์ มาโดยตลอด แต่ด้วยวิสัยทัศน์ที่ยาวไกลและเล็งเห็นความสำคัญของหลักการตลาดและแนวคิดริเริ่มสร้างสรรรค์ ที่แพทย์หญิง นลินี มีจึงได้นำมาปรับใช้เป็นแผนหลักในการดำเนินธุรกิจซึ่งได้ผลเป็นอย่างดีกับการตลาดยุคปัจจุบัน และด้วยพื้นฐานการศึกษาและประสบการณ์ด้านการแพทย์ กว่า 10 ปี จึงมีส่วนสนับสนุนได้เป็นอย่างดีในส่วนของการริเริ่มและนำเสนอผลิตภัณฑ์เพื่อผิวพรรณและสุขภาพที่มีประโยชน์ต่อผู้บริโภค ทั้งภายในและต่างประเทศ เนื่องจากบริษัท ฯ ได้เน้นและเห็นความสำคัญของคุณภาพสินค้าเป็นสำคัญ เพื่อให้ผู้บริโภคได้บริโภคสินค้าที่มีคุณภาพและบริโภคซ้ำได้ต่อเนื่อง ซึ่งจะนำมาซึ่งการดำเนินธุรกิจขายตรงที่มั่นคงและยั่งยืน นอกจากนี้แพทย์หญิงนลินี มีความมุ่งมั่นที่จะนำพากิฟฟารีนให้เป็นบริษัทขายตรงเพื่อคนไทย เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของคนไทยทั้งในเรื่องของสุขภาพและฐานะความเป็นอยู่
นโยบายและอุดมการณ์ณ์ในการทำงาน
ตลอดเวลากว่า 14 ปี ของการเติบโตอย่างมั่นคงของบริษัทกิฟฟารีน แพทย์หญิงนลินี ได้เป็นหลักและเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่พนักงานและสมาชิกธุรกิจกิฟฟารีน ทั้งในด้านความสามารถเชิงธุรกิจ ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ความมานะพยายามและทุ่มเทในการทำงาน คุณธรรมและจริยธรรมในการดำเนินชีวิตและการทำธุรกิจเพื่อองค์กร ตลอดจนถึงเพื่อสังคมโดยรวม นั่นคือการช่วยเหลือสังคม และ งานด้านสาธารณกุศลด้านต่างๆ ที่แพทย์หญิงนลินี ได้ช่วยเหลือ และ สนับสนุนอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องมาโดยตลอด ด้วยปณิธานแรกเริ่มเมื่อเปิดดำเนินธุรกิจว่าเมื่อบริษัทได้เติบโตและมีความมั่นคงแล้ว จะตอบแทนและคืนกำไรกลับสู่สังคมเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของคนไทย
ความสำเร็จในชีวิตการทำงาน
2538 – ปัจจุบัน ประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด
ประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ แลบบอราทอรี่ จำกัด
ประธานกรรมการ บริษัท สกายไลน์ เฮลแคร์ จำกัด
ประธานกรรมการ โรงเรียนรังสฤษฏ์สองภาษา
2530 – 2538 กรรมการผู้จัดการ บ.สุพรีเดอร์ม คอสเมติค จำกัด
2527 – 2532 สูตินรีแพทย์ แผนกสูติ – นรีกรรม โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมการแพทย์ทหารอากาศ
ความภาคภูมิใจและรางวัลเกียรติยศที่ได้รับ
2553 รางวัล 9 ยอดกุลสตรีไทย โดยกระทรวงวัฒนธรรม
2551 รางวัล “ BOSS OF THE YEAR 2007” จากนิตยสาร BOSS
2551 รางวัลกิตติคุณสัมพันธ์ “ สังข์เงิน” โดยสมาคมนักประชาสัมพันธ์แห่งประเทศไทย
2550 รางวัลสตรีไทยดีเด่น ประจำปี 2550
2550 รางวัลนักธุรกิจสตรีดีเด่นโลก ประจำปี 2550 โดยองค์กร Leading Women Entrepreneur of the World , USA.
2550 รางวัลนักธุรกิจในดวงใจประจำปี 2550 (โดยนิตยสารแก้จน ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์)
2549 รางวัลนักธุรกิจดีเด่นหอการค้าไทย
2549 ได้รับเสนอชื่อ 1 ใน 10 นักธุรกิจสตรีไทย เพื่อคัดเลือกรับรางวัล “นักธุรกิจสตรีดีเด่นโลก”
2548 รางวัลสตรีนักบริหารภาคเอกชนดีเด่นจากกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
2546 รางวัลบุคคลดีเด่น ในการส่งเสริมความเข้าใจระหว่างประเทศ จาก สมาคมไทยเพื่อส่งเสริมความเข้าใจระหว่างประเทศ
2542 รางวัลพระราชทานเทพทอง ด้านบริหารองค์กรดีเด่น จากกรมประชาสัมพันธ์
2539 ผู้ก่อตั้งกองทุนมงคลปิยะสุพรรณกัลยา
กิจกรรมอันเป็นคุณประโยชน์เพื่อสังคม
ด้วยปณิธานอันแน่วแน่ของ พ.ญ. นลินี ไพบูลย์ ที่มีอยู่ในใจนับแต่วันที่ก่อตั้ง บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด ว่าวันใดที่บริษัทฯ เติบโตมีผลกำไร และมีความมั่นคง ณ วันนั้น บริษัทจะคืนกำไรตอบแทนกลับสู่สังคม และ จวบจบวันนี้ บริษัทได้ดำเนินกิจการมาถึงจุดที่สามารถตอบแทนกลับสู่สังคมและ บริษัทฯได้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือสังคมในด้านต่างๆ ดังนี้
1. กองทุนมงคลปิยะสุพรรณกัลยา ด้วยความเคารพสูงสุดต่อพระมงคลเทพมุนี, สมเด็จพระปิยะมหาราช, สมเด็จพระนเรศวรมหาราช และ พระสุพรรณกัลยา จึงได้อันเชิญพระนามของพระองค์ท่านก่อตั้งเป็น “ กองทุนมงคลปิยะสุพรรณกัลยา ” เพื่อเป็นเกียรติและก่อเกิดสิริมงคลสูงสุด โดยมอบทุนการศึกษาแบบให้เปล่าแก่เด็กหญิงกำพร้าเป็นรายเดือน ให้ได้เล่าเรียนสูงสุดตามความสามารถ ปัจจุบันมีเด็กในกองทุนทั้งสิ้นกว่า 100 คน และมีนักเรียนที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีโดยได้รับการสนับสนุนจากกองทุนมาโดยตลอดกว่า 10 ปี แล้วประมาณ 11 คน ซึ่งได้นำความรู้ที่ศึกษามาประกอบอาชีพเป็นเยาวชนที่ดีของชาติต่อไป ปัจจุบันกองทุนบริจาคเงินเพื่อการศึกษาเป็นเงินจำนวนเดือนละกว่า 200,000 บาท จนถึงปัจจุบันรวมมูลค่ากว่า 20 ล้านบาท
2. มอบทุนค่าอาหารช้าง ช้างถือเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองไทยมาเป็นเวลาช้านาน ปัจจุบันก็ค่อยๆลดจำนวนลงเรื่อยๆ ประกอบกับมีต้นทุนในการเลี้ยงดูค่อนข้างสูง ทางบริษัทฯ จึงได้มอบทุนค่าอาหารช้างให้แก่ สถาบันคชบาลแห่งชาติ จ. ลำปาง เป็นเงินจำนวนเดือนละ 80,000 บาท จนถึงปัจจุบันรวมมูลค่ากว่า 13 ล้านบาท
3. โครงการ “ พ่อแม่อุปถัมภ์ ” โครงการเพื่อช่วยเหลือเด็ก ผู้ประสบภัยธรณีพิบัติสึนามิ ซึ่งจัดขึ้นโดยสภาสตรีแห่งชาติ บริษัทได้เข้าร่วมโครงการนี้และบริจาคเงินจำนวน 48,000 บาท ต่อการช่วยเหลือ 1 ครอบครัว
4. สนับสนุนกิจกรรมเพื่อสาธารณประโยชน์ของหน่วยงานต่างๆ อาทิ คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย,สภากาชาดไทย, สภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ , กองทุนคลื่นน้ำใจ , โครงการหัวใจสีขาวร่วมรณรงค์ต้านภัยเอดส์ , มูลนิธิอนุเคราะห์คนหูหนวกฯ , พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป, สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรี, สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย เป็นต้น จนถึงปัจจุบันรวมมูลค่ากว่า 90 ล้านบาท