ดร.มัทนา สานติวัตร
อธิการบดี - มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
การศึกษา
- ปี 2508 ระดับมัธยมศึกษา โรงเรียนเซนโยเซฟคอนเวนต์
- ปี 2510 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย แผนกวิทยาศาสตร์ จากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา(รุ่นที่ ๒๙)
- ปี 2515 ระดับปริญญาตรีทางการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- ปี 2520 ปริญญาโททางการบัญชี (M.Ac.) จาก Utah state University,U.S.A.
- ปี 2528 ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาการบริหารอุดมศึกษา (Ph.D.)จาก University of Kansas, U.S.A.
- ปี 2528 ปริญญาบัตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร หลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร ภาครัฐร่วมเอกชน รุ่นที่7
ประวัติส่วนตัวและประวัติการทำงาน
เกินและเติบโตในใจกลางกรุงเทพมหานครบริเวณเมืองชันในเกาะรัตนโกสินทร์ เป็นลูกสาวคนที่ 2 ของครอบครัวไทยชั้นกลางได้รับการเลี้ยงดูแบบไทยแท้ ด้วยคุณตาเคยรับราชการเป็นแพทย์หลวงและคุณยายที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กเป็นชาววังจึงได้รับการปลูกฝังเรื่องความเป็นไทยและทำไห้ซาบซึ้งในศิลปะและวัฒนธรรมไทยเป็นพิเศษ
เริ่มต้นการศึกษาตั้งแต่ชั้นมูลถึงมัธยมศึกษาที่โรงเรียนเซนโยเซฟคอนเวนต์ ซึ่งเป็นโรงเรียนเดียวกับคุณแม่ ได้มีโอกาสศึกษาทั้งศิลปศาสตร์ จริยศาสตร์ และ วิทยาศาสตร์เป็นอย่างดี โดยเพราะอย่างยิ่งได้มีโอกาศเรียนภาษาอังกฤษ และใช้ตำราภาษาอังกฤษในการเรียนหลายวิชา ทำให้ส่งผลดีต่อ การศึกษาวิชาต่างๆ ในระดับสูงต่อมา ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.ศ. 4-5)ได้สอบคัดเลือกเข้าศึกษาต่อในแผนกวิชาวิทยาศาสตร์ ที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา และเลือกศึกษาสาขาวิชาการบัญชีที่คณะพาณิชยศาสตร์และคณะการบัญชีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ซึ่งเป็นวิชาที่ถนัน โดยก่อนจบการศึกษาประมาณ 1 ปี ได้มีโอกาสฝึกงานตรวจสอบบัญชีที่สำนักงาน ตรวจสอบบัญชีแห่งหนึ่ง และพบว่างานตรวจสอบบัญชีเป็นงานหนึ่งที่น่าจะทำได้ดี
แต่เมื่อจบการศึกษา วิทยาลัยกรุงเทพ ได้เปิดรับอาจารย์ผู้ช่วยสอนในวิชาบัญชี จึงได้สมัครและได้รับการคัดเลือกให้เข้าเป็นอาจารย์ประจำตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2515 เป็นต้นมา หลังจากนั้นได้สอบเป็นผู้สอบบัญชี และทำงานวิชาชีพสอบบัญชีควบคู่กันไป
ซึ่งการทำงานนอกจากจะสอนและให้คำปรึกษาแก่นักศึกษาและเป็นอาจารย์ที่ปรึกษากิจกรรมค่ายอาสาพัฒนาของนักศึกษา มีผลการปฏิบัติงานดีเยี่ยม จึงได้รับความไว้วางใจและส่งเสริมให้รับทุนการศึกษาต่อ ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้งในระดับปริญญาโทและปริญญาเอก เมื่อสำเร็จการศึกษา จึงกลับมาปฏิบัติหน้าที่ที่มหาลัยทั้งในระดับอาจารย์ผู้บรรยาย คณบดี รองอธิการบดีและเลื่อนระดับจนเป็นอธิการบดี รวมเวลาถึงปัจจุบัน 38 ปี
นอกจากนั้น ได้ทำงานด้านวิชาชีพบัญชี โดยได้สอบผ่านเป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาตแห่งประเทศไทย และร่วมทำงานด้านวิชาการและวิชาชีพบัญชีให้กับสมาคมนักบัญชีและผู้สอบบัญชีรับอนุญาตแห่งประเทศไทย (สภาวิชาชีพบีญชีในปัจจุบัน)
มหาวิทยาลัยกรุงเทพเป็นที่ทำงานแห่งเดียวที่ได้เริ่มต้นชีวิตการทำงานและได้ทำงานต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน เป็นปีที่ 38 ในตำแหน่งต่างๆ ดังนี้
2515 – ปัจจุบัน อาจารย์ประจำ
2521 – 2524 คณบดีคณะบัญชี สมัยที่ 1
2528 – 2530 คณบดีคณะบัญชี สมัยที่ 2
2531 รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา
2532 – 2550 รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ
2550 – ปัจจุบัน อธิการบดี
นโยบายและอุดมการณ์ในการทำงาน
- เลือกทำงานด้านการศึกษา เพราะเป็นงานที่มีประโยชน์มหาศาลต่อการสร้างอนาคตของคนและอนาคตของชาติ
- เลือกทำงานด้านการศึกษา เพราะตรงกับความถนัดและความสามารถ
- เลือกทำงานด้านการศึกษา เพราะชอบการเรียนรู้และแสวงหาความรู้อยู่เสมอ จึงอยากช่วยให้คนไทยเป็นผู้ที่รักการเรียนรู้ตลอดชีวิต
- นโยบายหลักในการทำงานนั้น คือ การสร้างวัฒนธรรมคุณภาพ เพราะสำหรับการทำงานด้านการศึกษา คุณภาพคือสิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้บัณฑิตที่จบการศึกษาสามารถไปเป็นกำลังให้กับการสร้างชาติบ้านเมืองได้
ความสำเร็จในชีวิตการทำงาน
ได้ทำงานเป็นลำดับตั้งแต่ระดับล่างสุดด้วยความมานะ พากเพียร เรียนรู้ และเสียสละ และได้รับการประเมินผลการทำงานและประเมินผลการสอนอย่างดีเลิศ ได้เลื่อนตำแหน่งมาทำงานในระดับผู้บริหารคณะวิชาเมื่ออายุเพียง 28 ปี และเป็นผู้บริหารมหาวิทยาลัยในตำแหน่งรองอธิการบดีเมื่ออายุเพียง 38 ปี และสุดท้ายได้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของมหาวิทยาลัย คือ ตำแหน่งอธิการบดี เมื่ออายุ 58 ปี
ปัจจุบันได้รับความไว้วางใจจากสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย จำนวน 61 สถาบัน สมาชิกให้เป็นประธานที่ประชุมอธิการบดีในตำแหน่งนายกสมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ระหว่าง พ.ศ. 2552-2554
ความภาคภูมิใจและรางวัลเกียรติยศที่ได้รับ
ความภาคภูมิใจที่ยิ่งใหญ่ คือการได้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อ พ.ศ. 2528 ภายใต้ทุนพัฒนาคณาจารย์และผู้บริหารของมหาวิทยาลัยกรุงเทพ
ความภาคภูมิใจอีกประการหนึ่ง คือ การได้มีส่วนในการสร้างสถาบันอุดมศึกษาเอกชนที่ดี มีคุณภาพมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับว่าเป็นสถาบันการศึกษาชั้นนำในระดับประเทศและนานาชาติ ได้สร้างผลงานด้านวิชาการให้กับประเทศ และได้สร้างศิษย์เก่าให้ประสบความสำเร็จมาแล้วนับแสนคน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความภาคภูมิใจประการสุดท้าย คือ การได้มีโอกาสมาทำงานในตำแหน่งที่สำคัญที่สุดของสถาบัน คือ ตำแหน่งอธิการบดี
สำหรับรางวัลเกียรติยศที่ได้รับคือ
- เครื่องราชิสริยาภรณ์ตติยดิเรกคุณาภรณ์
- รางวัลศิษย์เก่าเซนต์โยเซฟตัวอย่าง
- รางวัลศิษย์เก่าดีเด่น คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- ศิษย์เก่าผู้ได้รับการยกย่อง Utah State University, U.S.A.
ทรรศนะต่อวงการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คือ ความรู้พื้นฐานที่สำคัญยิ่งอันนำไปสู่การศึกษาในระดับสูง การพัฒนาวิทยาศาสตและเทคโนโลยีร์ คือ การพัฒนาศักยภาพของประเทศ นอกจากนั้น วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยียังเป็นวิชาที่มีความเป็นเหตุเป็นผลสามารถเชื่อมโยงเข้ากับชีวิตความเป็นอยู่ของคนและเป็นวิชาที่จะพัฒนาองค์ความรู้ใหม่ได้อย่างแท้จริง เพื่อเชื่อมโยงต่อยอดกับศาสตร์ต่าง ๆ เช่น สังคมศาสตร์ ศิลปะศาสตร์ได้
ในปัจจุบันมีเยาชนจำนวนไม่มากที่รักที่จะเรียนต่อในสายวิทยาศาสตร์ ทำให้ศักยภาพของประเทศไทยในด้านที่จะเป็นแห่งพัฒนาองค์ความรู้ใหม่มีน้อยลง แม้ว่าในปัจจุบันจะมีความพยายามที่จะสนับสนุนให้เยาวชนหันมาศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ให้มากยิ่งขึ้น แต่ยังเชื่อว่าไม่เพียงพอ จึงต้องการให้ทั้งภาครัฐและเอกชนให้การสนับสนุนการศึกษาวิจัยทางสาขาวิทยาศาสตร์ให้มากขึ้น
กิจการอันเป็นคุณประโยชน์เพื่อสังคม
- รองประธานบริหารสมาคมสถาบันการศึกษาขั้นอุดมศึกษาแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประจำประเทศไทย (ASAIHL THAILAND)
- กรรมการบริหารสมาคมติดตามการพัฒนาสตรีในประเทศไทย (ตพส.ไทย)
- ที่ปรึกษามูลนิธิร่วมจิตน้อมเกล้าฯ
- ประธานชมรมนักเรียนเก่ามหาวิทยาลัยแห่งรัฐยูถ่าห์