4) บุคคลคุณภาพแห่งปี 2025 ด้านสังคม

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ (อายุ 59 ปี)
ต้นแบบการอนุรักษ์ท้องทะเลไทยและสิ่งแวดล้อม
1. หน้าที่ความรับผิดชอบในปัจจุบัน
1. อาจารย์สอนประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
2. รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
3. ผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศทางทะเลชั้นนำของประเทศไทย
4. นักอนุรักษ์และนักสื่อสารมวลชนด้านการอนุรักษ์ทะเลและสิ่งแวดล้อมไทยตัวยง
2. ประวัติการศึกษา
· พ.ศ. 2532 ปริญญาตรี วท.บ. (วิทยาศาสตร์ทางทะเล) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
· พ.ศ. 2534 ปริญญาโท วท.ม. (วิทยาศาสตร์ทางทะเล) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
· พ.ศ. 2539 ปริญญาเอก Ph.D. (Marine Science) สถาบัน James Cook University ประเทศออสเตรเลีย
3. ประวัติการทำงาน
· พ.ศ. 2538–ปัจจุบัน อาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
· พ.ศ. 2547–2548 รองผู้อำนวยการสำนักพัฒนาผลิตภัณฑ์
· พ.ศ. 2550–2553 รองคณบดีฝ่ายกิจการพิเศษ คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
· พ.ศ. 2553–2557 หัวหน้าภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
· พ.ศ. 2557-2558 สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (ตำแหน่งทางวิชาการ)
· พ.ศ. 2558–ปัจจุบัน รองคณบดีฝ่ายกิจการพิเศษ คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
· พ.ศ. 2540–ปัจจุบัน นักมีนวิทยา นักสมุทรศาสตร์ นักอนุรักษ์ นักวิชาการ นักเขียน และนักสื่อสารมวลชนด้านการอนุรักษ์ทะเลและสิ่งแวดล้อมไทยตัวยง
4. นโยบายและอุดมการณ์ในการทำงาน
· อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้นถ้าเก่งและทุ่มเทพอ
5. ความสำเร็จในชีวิตการทำงาน
· สำเร็จตั้งแต่ตอนอายุ 35 ปี อยู่ได้นานในความสำเร็จ
6. ทรรศนะต่อวงการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· วิทยาศาสตร์พาโลกมาในจุดที่ย่ำแย่ แต่วิทยาศาสตร์ก็จะพาเราออกไปจากจุดนี้
7. กิจการอันเป็นคุณประโยชน์เพื่อสังคม สาธารณกุศล
· ผศ.ดร. ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ เป็นผู้เชี่ยวด้านนิเวศทางทะเลและสิ่งแวดล้อม ผู้เสียสละอุทิศตนทั้งชีวิตเกือบ 30 ปี ให้กับการอนุรักษ์ท้องทะเลไทย หลังจากเรียนจบปริญญาเอกที่ JAMES COOK UNIVERSITY ประเทศออสเตรเลีย ก็ได้เริ่มทำงานเป็นอาจารย์ประจำ ที่ภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เริ่มมีผลงานเป็นที่ประจักษ์แก่สังคมในวงกว้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 เป็นต้นมา อีกทั้งยังได้รับรางวัลมากมายในฐานะนักขับเคลื่อนแนวคิดในการอนุรักษ์ท้องทะเล นักวิชาการ นักวิจัย นักสื่อสารสาธารณะ และมีบทบาทในเชิงนโยบาย สามารถเชื่อมระหว่างวิทยาศาสตร์กับการปฏิบัติให้เกิดผลจริง, มีวิสัยทัศน์ระยะยาว ไม่ใช่แค่แก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่คิดถึงผลกระทบใน 10 ปี 25 ปี 40 ปี เช่น โลกร้อน การฟื้นฟู แนวทางการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน ฯลฯ และที่สำคัญมีความกล้าแสดงความเห็นในเรื่องที่อาจไม่เป็นที่นิยม เช่น การจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวในอุทยานทางทะเล การคัดค้านโครงการที่อาจทำลายหาดหรือโครงสร้างธรรมชาติ เช่น ผนังกันคลื่น ฯลฯ
· แรงบันดาลใจในการทำงานด้านอนุรักษ์ท้องทะเล ของ ผศ.ดร. ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ สืบเนื่องจากการเติบโตในครอบครัวที่บิดา ((ศาสตราจารย์(พิเศษ) ดร. เถลิง ธำรงนาวาสวัสดิ์) อดีตปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทย ในสมัยรัฐบาล ศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี) เป็นประธานกรรมาธิการอุทยานแห่งชาติ และการติดตามบิดาไปเปิดอุทยานแห่งชาติทางทะเลตั้งแต่เด็ก ทำให้ชื่นชอบทุกอย่างที่เกี่ยวกับทะเล ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประกอบกับเคยทำงานเป็นผู้ช่วยนักวิจัยให้กับ ผศ.ดร. สุรพล สุดารา ซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์ทางทะเลผู้บุกเบิกการศึกษาทรัพยากรทางทะเลของประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาจารย์บอกให้ผมไปพูดเรื่อง “โลกร้อน” ในที่ต่างๆ ทั้งที่ยุคนั้นยังไม่มีอินเทอร์เน็ต การหาข้อมูลต้องใช้ภาษาอังกฤษล้วนๆ ผมต้องอ่านและแปลภาษาอังกฤษเพื่อไปพูดให้คนอื่นฟัง ตอนนั้นยังไม่ค่อยมีใครรู้จักคำว่าโลกร้อน จนกระทั่งในปัจจุบันนี้ที่ทุกชีวิตบนโลกกำลังได้รับผลกระทบจากภาวะโลกร้อนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
· การทำงานด้านอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในช่วงแรกๆเป็นงานที่ยากและท้าทายมาก เพราะผู้คนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ยังไม่ใส่ใจในเรื่องโลกร้อน มองเป็นเรื่องไกลตัว “ผมไม่รู้สึกท้อ มันเป็นนิสัยด้วย อย่างแรกคือผมเป็นคนที่ปักใจ เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองสูงมาก เพราะฉะนั้นเมื่อผมเชื่อตัวเองแล้วจะไม่มีคำว่า “ท้อ” ท้อไม่ได้ ถ้าท้อแล้วเท่ากับทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำมานั้นผิดมาตั้งแต่ต้น ผมไม่มีแม้แต่จะคิด คือ ถ้าคิดมันผิดกับตัวเอง มันทรยศตัวเอง ผมไม่เคยคิดถึงมันเลย ไม่มีท้อ ตอนเรียนปริญญาเอกที่ประเทศออสเตรเลีย มีคนจ้างให้ผมทำงานเป็น Project Management ของ Great Barrier Reef Marine Park (แนวปะการังนอกชายฝั่งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ประเทศออสเตรเลีย) ทำเรื่องของ Remote sensing สำรวจแผนที่ปะการัง ผมทำเป็นคนแรกของประเทศไทยและไปเรียนต่อที่ออสเตรเลียในเรื่องนี้ พอผมทำโปรเจกต์จบเขาก็อยากจ้างผมต่อ ผมบอกเขาว่า “ผมไม่อยู่ประเทศคุณแน่ เพราะประเทศที่เหมาะสมกับนักสิ่งแวดล้อมมากที่สุดนั้น ไม่มีที่ไหนเหมาะเท่ากับประเทศที่ผมจากมาและกำลังจะกลับไป นั่นคือ ประเทศไทย” ไม่ใช่ความสำนึกรักบ้านเกิดอะไรนะครับ แต่ที่ชัดเจนที่สุดคือปัญหามันเยอะดี… เปรียบเสมือน นักข่าวสงครามไปอยู่ในประเทศที่สุขสงบแล้วมันจะทำข่าวอะไร ผมบอกนักศึกษาทุกคนว่าอาชีพที่ดีที่สุดคือ “นักสิ่งแวดล้อม” เพราะประเทศนี้มันพินาศย่อยยับด้านสิ่งแวดล้อม ขนาดเพื่อนผมที่อยู่ออสเตรเลียยังอยากกลับมาเป็นผู้เชี่ยวชาญที่เมืองไทยเลย เพราะปัญหาเยอะดี อยู่ที่ออสเตรเลียเหงามาก แต่ตอนนี้ก็เริ่มดีขึ้นแล้วเพราะเริ่มมีปะการังฟอกขาวให้เกิดความตื่นเต้นเร้าใจ
· ผศ.ดร. ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ได้สร้างผลงานด้านการอนุรักษ์ทะเลและสิ่งแวดล้อมไว้มากมาย ผลงานที่โดดเด่นและมีผลกระทบสำคัญ ได้แก่
o พีพีโมเดล” (Phi Phi Model) ป็นต้นแบบของแผนปฏิรูปทรัพยากรทางธรรมชาติ เพื่อพลิกฟื้นทะเลเตรียมรับมือกับนักท่องเที่ยวจำนวนมหาศาล เริ่มด้วยการวางยุทธศาสตร์เพื่อจัดการอุทยานทางทะเล โดยมีการปิด “เกาะยูง” ตั้งแต่ ต.ค. 2558 เพื่อให้ธรรมชาติฟื้นตัว และขยายไปยัง “เกาะตาชัย” และ “อ่าวมาหยา” ในปี 2561 เป็นต้นมา
o การผลักดันสัตว์ทะเลสงวน ด้วยการยกระดับสัตว์ทะเลให้เป็นสัตว์สงวนและสัตว์คุ้มครองหลายครั้ง โดยในปี 2558 ได้ร่วมกับ สปช. ผลักดัน 4 ชนิด คือ วาฬบรูด้า, วาฬโอมูระ, เต่ามะเฟือง และฉลามวาฬ ให้เป็นสัตว์สงวน โดยนำเสนอต่อกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จนประสบความสำเร็จ และในปี 2564 ได้ผลักดัน โลมาอิรวดี ให้เป็นสัตว์สงวนเช่นกัน รวมถึงเคยผลักดันให้ ม้าน้ำ เป็นสัตว์คุ้มครองเพื่อควบคุมการค้าขายผิดกฎหมาย
o รณรงค์เรื่องขยะทะเล / พลาสติก รณรงค์ให้ทุกคนช่วยลดขยะทะเล โดยเน้นย้ำว่าปัญหาไมโครพลาสติกเป็นภัยต่อสุขภาพมนุษย์ และการช่วยลดการใช้พลาสติก เช่น การพกถุงผ้า ลดการสั่งอาหารแบบเดลิเวอรี่ที่ใช้กล่องพลาสติก การใช้ผลิตภัณฑ์ทดแทน และการทิ้งขยะให้ถูกที่ จะช่วยลดปัญหาขยะทะเลที่กำลังสะสมในไทย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อมในระยะยาว และเรียกร้องให้มีกฎหมายจัดการขยะพลาสติก, ลดขยะจากแหล่งกำเนิด, รณรงค์ให้สังคมตระหนักถึงปัญหาขยะทะเล
o เตือนภัยเรื่องโลกร้อน / ฟอกขาวปะการัง ผศ.ดร. ธรณ์ มักใช้บทบาทสื่อสารให้สังคมเข้าใจผลกระทบจากภาวะโลกร้อน เช่น coral bleaching, อุณหภูมิน้ำทะเลสูง ฯลฯ ให้กลายเป็นเรื่องสาธารณะที่คนพูดถึงมากขึ้น มีการตื่นตัวในระดับประชาชนและเด็ก ไม่ใช่แค่เฉพาะวงการวิชาการ
o จำกัดนักท่องเที่ยวในอุทยานทางทะเล ผศ.ดร. ธรณ์ เสนอให้หน่วยงานรัฐมีการจำกัดจำนวนผู้เข้าชมในอุทยานทะเล เช่น “จำกัดผู้เยี่ยมชมอุทยานทางทะเลไม่เกิน 6 ล้านคน/ปี” เพื่อป้องกันผลกระทบต่อระบบนิเวศที่เปราะบางอันเกิดจากธุรกิจท่องเที่ยวที่ไม่มีการควบคุม ช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศที่เสื่อมโทรมให้กลับมาสู่สภาพปกติ ฯลฯ
o บทบาทสื่อสาร / เขียนหนังสือ / ถ่ายทอดสู่สาธารณะ ผศ.ดร. ธรณ์ ได้เขียนบทความ หนังสือมากกว่า 100 เล่ม มีคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์ สื่อสังคมออนไลน์ พอดแคสต์ ฯลฯ เพื่อถ่ายทอดความรู้เรื่องทะเลและสิ่งแวดล้อมให้สาธารณะได้รับรู้ในวงกว้าง
o นำเสนอเทคโนโลยี / งานวิจัยใหม่ๆ ผศ.ดร.ธรณ์ ได้นำเสนอเทคโนโลยีสมัยใหม่ LiDAR เพื่อใช้วัดระยะหรือความสูงของพื้นผิว เพื่อนำมาใช้ศึกษาแนวปะการังครั้งแรกของไทย, การใช้โดรนกันน้ำสำรวจโคลนแนวตื้น, การ ใช้ RTK‑GNSS เพื่อทำแผนที่สามมิติของระบบชายฝั่งและทะเล ฯลฯ เพื่อจับความเปลี่ยนแปลงที่แม่นยำขึ้น ฯลฯ
8. ความภาคภูมิใจและรางวัลเกียรติยศที่ได้รับ
· ภูมิใจในทุกรางวัล ภูมิใจสุดคือรางวัลศิษย์เก่าเกียรติยศจากโรงเรียนโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากมหาวิทยาลัยในประเทศ และในมหาวิทยาลัยต่างประเทศ ถือว่าครบตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงระดับปริญญาเอก ทั้งที่ไม่ได้เป็นคนเรียนเก่ง
รางวัลเกียรติยศที่ได้รับ
· พ.ศ. 2559 - รางวัลชูเกียรติ อุทกะพันธุ์ ประจำปี 2559 จากผลงานการเป็นผู้สื่อสารและสร้างแรงบันดาลใจในการอนุรักษ์ทะเลและมหาสมุทรอย่างต่อเนื่อง
· พ.ศ. 2562 - Explorer Awards 2019 จากนิตยสาร National Geographic Thailand
· พ.ศ. 2562 - รางวัล GQ Men of the Year 2019 สาขา Inspiration จากการเป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจในการอนุรักษ์ทะเล
· พ.ศ. 2564 - Thailand Sustainability Shaper Award 2021 ของคณะกรรมการตัดสินรางวัลแห่งความยั่งยืน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
· พ.ศ. 2565 - Alumni Social Empowerment Award 2022 - Australian Alumni Association
· พ.ศ. 2567 - The People Awards 2024 “People Go Beyond” การอุทิศตนเพื่อการอนุรักษ์ทะเลไทย จากสื่อออนไลน์ The People
