2) บุคคลคุณภาพแห่งปี 2025 ด้านเทคโนโลยี

รองศาสตราจารย์ ดร. เสรี ศุภราทิตย์ (อายุ 65 ปี)
รองประธานมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ
1. หน้าที่ความรับผิดชอบในปัจจุบัน
1. รองประธานมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ
2. ประธานกรรมการบริหารและที่ปรึกษาด้านการคาดการณ์สภาพภูมิอากาศและความเสี่ยงภัยพิบัติ ศูนย์วิจัยอนาคตศึกษา (Futuretales LAB by MQDC)
3. ผู้เชี่ยวชาญคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ IPCC (Intergovernmental Panel on Climate Change)
4. ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต
5. กรรมการในคณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ
6. กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายผังเมืองแห่งชาติ ด้านสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์
7. นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ นักวิจัย ผู้สอน บรรยาย เผยแพร่ สร้างองค์ความรู้ และความตระหนักให้กับสังคมไทยเพื่อให้มีภูมิต้านทานจากภัยคุกคามด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
2. ประวัติการศึกษา
· ปริญญาตรี วิศวกรรมโยธา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
· ปริญญาโท วิศวกรรมชลศาสตร์และชายฝั่ง สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย M.Eng. (Water Resources Engineering) Asian Institute of Technology (AIT)
· ปริญญาเอก วิศวกรรมชายฝั่ง D.Eng. (Coastal Engr.) Tohoku University, JAPAN
3. ประวัติการทำงาน
· พ.ศ. 2534-2536 วิศวกรอาวุโส บริษัท ปตท. สำรวจและผลิต จำกัด
· พ.ศ. 2535-2537 วิศวกรก่อสร้าง แหล่งน้ำมันบงกช บริษัท ปตท. สำรวจและผลิต จำกัด
· พ.ศ. 2540-2552 คณบดีบัณฑิตวิทยาลัย และคณบดีวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต
· อดีตหัวหน้าหลักสูตรปริญญาดุษฎีบัณฑิต (วิศวกรรมโยธา) มหาวิทยาลัยรังสิต และปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการศูนย์พลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม และผู้จัดการใหญ่อุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร ในพระบรมราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี
· พ.ศ. 2540-ปัจจุบัน ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต
· พ.ศ. 2543-2544 กรรมการวิชาการสาขาวิศวกรรมโยธา, กรรมการ และเลขานุการคณะอนุกรรมการวิศวกรรมแหล่งน้ำ วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
· พ.ศ. 2545-2546 ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· พ.ศ. 2546-ปัจจุบัน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ วิทยาลัยป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัย
· พ.ศ. 2548-ปัจจุบัน ได้รับเชิญเป็น Strategic Planning Group on Human and Environmental Hazards and Disasters ประจำภูมิภาค Asia and Pacific
· พ.ศ. 2549-2550 คณะกรรมการการประปานครหลวง
· พ.ศ. 2549-2550 ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
· พ.ศ. 2551- 2553 ผู้อำนวยการศูนย์พลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม อุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร ในพระบรมราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี
· พ.ศ. 2554-2557 คณะกรรมการยุทธศาสตร์การบริหารจัดการน้ำ
· พ.ศ. 2558-2560 ผู้ว่าการประปาส่วนภูมิภาค
· พ.ศ. 2548-ปัจจุบัน Disaster expert, Asia & Pacific Planning group on Hazard and Disaster of ICSU
· พ.ศ. 2555-ปัจจุบัน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ
· พ.ศ. 2563-ปัจจุบัน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายผังเมืองแห่งชาติ ด้านสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์
· พ.ศ. 2565-ปัจจุบัน รองประธานมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ
· พ.ศ. 2566-ปัจจุบัน ประธานกรรมการบริหารและที่ปรึกษาด้านการคาดการณ์สภาพภูมิอากาศและความเสี่ยงภัยพิบัติ ศูนย์วิจัยอนาคตศึกษา (Futuretales LAB by MQDC) และผู้เชี่ยวชาญคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ IPCC (Intergovernmental Panel on Climate Change)
ความชำนาญพิเศษ
· นักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมภัยพิบัติต่างๆ ได้แก่ อุทกภัย น้ำป่าไหลหลาก พายุคลื่น สึนามิ การกัดเซาะ และการตกตะกอน สภาวะโลกร้อน แผ่นดินไหว ฯลฯ การพยากรณ์อนุกรมเวลาระดับน้ำเพื่อการเตือนภัยน้ำท่วม การประชุมวิศวกรรมโยธา และอื่นๆ
· มีผลงานเขียนทางวิชาการหลายเล่ม เช่น กลศาสตร์ของไหล, การพยากรณ์น้ำโดยโครงข่ายใยประสาทเทียม, มัจจุราช อันดามัน : สึนามิ, และบทความที่ตีพิมพ์เป็นวารสารทั้งในและต่างประเทศมากกว่า 100 บทความ
· ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมภัยพิบัติในหน่วยงานต่างๆ เช่น เป็นกรรมการวิชาการสาขาวิศวกรรมโยธา และกรรมการ และเลขานุการอนุกรรมการวิศวกรรมแหล่งน้ำ วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ระหว่างปี พ.ศ. 2543-2544 เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ วิทยาลัยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 จนปัจจุบัน
· เป็นคณะกรรมการศึกษาระบบเตือนภัยล่วงหน้า สำนักนายกรัฐมนตรี อนุกรรมการป้องกัน และบรรเทาผลกระทบจากภัยธรรมชาติ เลขานุการและอนุกรรมการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งทะเล สภาผู้แทนราษฎร
· ได้รับเชิญเป็น Strategic Planning Group on Human and Environmental Hazards and Disasters ประจำภูมิภาคAsia and Pacific ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2548 จนถึงปัจจุบัน
4. นโยบายและอุดมการณ์ในการทำงาน
· การช่วยเหลือมวลมนุษยชาติเป็นนโยบายและอุดมการณ์ในการทำงาน โดยเฉพาะการได้รับองค์ความรู้และประสบการณ์ด้านการจัดการภัยพิบัติจากประเทศญี่ปุ่น เป็นพลังผลักดันที่ต้องการสร้างสังคมไทยให้เข้มแข็ง
5. ความสำเร็จในชีวิตการทำงาน
· ผมคิดว่าตัวเองยังไม่ประสบความสำเร็จ ต้องพยายามทำต่อไป ต้องเรียนรู้ต่อไป จนกระทั่งชุมชนเกิดความตระหนัก สามารถประเมินความเสี่ยงและเตรียมความพร้อมรับมือเบื้องต้นได้
6. ทรรศนะต่อวงการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทำให้ประเทศหลุดพ้นจากความยากจน ความเหลื่อมล้ำ และความเชื่อที่ปราศจากเหตุผล ตัวอย่างจากประสบการณ์การทำงานด้านการจัดการภัยพิบัติในประเทศไทยพบว่า ความเชื่อ (โดยปราศจากเหตุผลทางวิทยาศาสตร์) ได้สร้างความเสียหายต่อชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนอย่างมาก
7. กิจการอันเป็นคุณประโยชน์เพื่อสังคม สาธารณกุศล
· รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ สมัยที่ศึกษาอยู่ในระดับปริญญาเอก วิศวกรรมชายฝั่ง มหาวิทยาลัย Tohoku ในประเทศญี่ปุ่นนั้น เขาได้มีโอกาสทำงานกับผู้เชี่ยวชาญด้านสึนามิชาวญี่ปุ่นที่เก่งที่สุดในโลกซึ่งเป็นอาจารย์ที่ปรึกษา เป็นผู้สอนให้คิดวิเคราะห์และนำเสนอสิ่งที่จะเกิดขึ้นทุกรูปแบบของภัยพิบัติ ทั้งเรื่องน้ำท่วม แผ่นดินไหว สึนามิ จะแก้ปัญหาในเหตุการณ์ได้อย่างไร ผมเจอเรื่องภัยพิบัติค่อนข้างเยอะ เห็นคนเสียชีวิต ทำให้ผมอยากช่วย และผมได้เรียนรู้เรื่องภัยพิบัติที่ญี่ปุ่น โดยอาจารย์ที่ปรึกษาของผมยังเป็นบุคคลที่ทำงานเพื่อมนุษยชาติ ความคิดแบบนี้ผมรู้สึกซาบซึ้ง เมื่อกลับมาเมืองไทย เมื่อผมสร้างครอบครัวมั่นคงแล้ว ผมเห็นว่างานด้านนี้สำคัญกว่างานออกแบบโครงสร้างตึกที่วิศวกรทั่วไปทำกัน การทำงานด้านภัยพิบัติเป็นงานที่หนักและรายได้ไม่มาก วิศวกรโยธาส่วนใหญ่จะหันไปทำงานคำนวณโครงสร้างตึกอาคารบ้านเรือน แต่งานด้านนี้เป็นงานช่วยชีวิตคน ในเมืองไทยมีผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ไม่ถึง 10 คน รศ.ดร. เสรี ศุภราทิตย์ จึงได้ตัดสินใจอุทิศตนทุ่มเทกับการทำงานด้านภัยพิบัติตลอดมา โดยใช้ความรู้ ความสามารถ จนกลายเป็นหนึ่งในวิศวกรผู้เชี่ยวชาญด้านภัยพิบัติอันดับต้นๆของเมืองไทย
· หน่วยงานที่ รศ.ดร. เสรี ศุภราทิตย์ ดูแลอยู่ในปัจจุบัน มีวิธีการพยากรณ์เรื่องน้ำท่วมโดยใช้พื้นฐานข้อมูลการพยากรณ์ชุดเดียวกับที่กรมอุตุนิยมวิทยาใช้ แต่การวิเคราะห์และการใช้แบบจำลอง หน่วยงานเราใช้แบบจำลองที่หลากหลาย สิ่งสำคัญของการพยากรณ์คือ อย่าไปเชื่อแบบจำลองชุดใดชุดหนึ่ง กรมอุตุนิยมวิทยามีข้อจำกัด ใช้แค่หนึ่งหรือสองแบบจำลอง แล้ววิเคราะห์จากประสบการณ์ของคนที่ทำงานมานาน แต่เราใช้หลายแบบจำลองเปรียบเทียบวิเคราะห์ อย่างต่ำต้องมี 5 แบบจำลอง เราใช้ทั้งแบบจำลองของประเทศสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น จีน แคนาดาและออสเตรเลีย ผมคิดว่า หน่วยงานเรามีความเชี่ยวชาญการพยากรณ์ภัยพิบัติอย่างแม่นยำ เพราะใช้แบบจำลองวิเคราะห์หลากหลาย การพยากรณ์ธรรมชาติไม่ใช่เรื่องหัวหรือก้อย ผมไม่เคยพูดว่า ร้อยเปอร์เซ็นต์ ทั้งเรื่องสึนามิหรือน้ำท่วม แต่ผมจะบอกว่า เหตุการณ์แบบนี้มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นสูง ผมบริหารจัดการความเสี่ยงด้วย ผมอยากให้ประชาชนเข้าใจว่าเรื่องไหนเป็นความเสี่ยง ประชาชนจะได้ตระหนักรู้และเตรียมตัวป้องกัน
· การพยากรณ์ภัยพิบัติในเมืองไทยในความคิดเห็นของ รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ มี 5 ด้าน ได้แก่ 1. การกัดเซาะชายฝั่ง 2. น้ำท่วม 3. น้ำท่วมฉับพลัน 4. แผ่นดินไหว และ 5. สึนามิ ปัญหาอันดับหนึ่งคือ น้ำท่วม ส่วนสึนามิมีความเสี่ยงในบางพื้นที่ เรามีประสบการณ์โดยตรงเรื่องภัยพิบัติ ทั้งเรื่องแบบจำลองและการวิเคราะห์ จึงทำได้แม่นยำกว่าหน่วยงานรัฐ เพราะเราทำงานวิจัยเชิงลึกประสานกับกรมอุตุนิยมวิทยาและหลายหน่วยงาน รวมถึงส่งข้อมูลให้ ศูนย์ของเราเป็นแห่งแรกในเมืองไทยสามารถจะบอกได้ว่า สึนามิจะเกิดขึ้นแล้ว ที่ไหน เวลาและความรุนแรง ส่วนการคาดการณ์เรื่องฝนตก ถ้าจะให้แม่นยำ สามารถพยากรณ์ล่วงหน้าได้แค่สามวัน
· กว่า 30 ปีที่ผ่านมา รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ได้เสียสละอุทิศตนทำภารกิจด้านการจัดการภัยพิบัติทั้งในและต่างประเทศโดยเน้นไปที่การสร้างภูมิคุ้มกันให้กับชุมชน ผลงานที่ทำให้คนไทยทั้งประเทศได้รู้จักกับชื่อของ รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ คือ สึนามิในทะเลอันดามัน (พ.ศ. 2547), มหาอุทกภัยน้ำท่วมใหญ่ พ.ศ. 2554 การติดตามและวิเคราะห์เกี่ยวกับสถานการณ์น้ำของไทยโดยเฉพาะในจังหวัดกรุงเทพมหานคร ทำให้สังคมได้รับรู้และเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ท่วมใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ไทยในรอบ 70 ปี (กรกฎาคม- ธันวาคม 2554), การเตือนภัยฝนตกหนัก น้ำท่วมซ้ำซาก (พ.ศ. 2563–ปัจจุบัน) เป็นต้น โดยมีจุดเด่นตรงที่ รศ.ดร. เสรี ศุภราทิตย์ มักจะมีการเตือนภัยล่วงหน้า พร้อมทั้งแนะนำแนวทางในการป้องกันด้วยเสมอๆ จึงไม่ยากที่นักวิชาการคนนี้จะเข้าไปครองใจผู้ชมคนดูที่ติดตามสถานการณ์นี้อยู่ ท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำที่ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่ออย่างต่อเนื่องทุกวัน ให้คำอธิบาย โมเดลน้ำท่วม การบริหารจัดการน้ำ และการไหลของน้ำเข้าเมือง ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญไม่กี่คนในเมืองไทย ที่สามารถอธิบายวิทยาศาสตร์เบื้องหลังเหตุการณ์ได้อย่างชัดเจนและเข้าใจง่าย พร้อมทั้งวิจารณ์นโยบายการบริหารจัดการน้ำของรัฐในลักษณะที่ “กล้าพูดความจริง” จนได้รับความไว้วางใจจากสื่อทั้งโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ และสื่อออนไลน์อย่างกว้างขวาง จนได้รับฉายา “กูรูน้ำ” ประจำประเทศไทย
8. ความภาคภูมิใจและรางวัลเกียรติยศที่ได้รับ
ผมภูมิใจกับรางวัลเกียรติยศที่จะได้รับ และเป็นกำลังใจที่สำคัญให้ผมเดินก้าวไปข้างหน้าต่อไป
8.1 เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย
· พ.ศ. 2556 – จตุตถดิเรกคุณาภรณ์
· พ.ศ. 2551 – เบญจมดิเรกคุณาภรณ์
8.2 รางวัลเกียรติยศที่ได้รับ
· “คนดีสังคมไทย” สาขา นักวิชาการ-ส่งเสริมคุณภาพการศึกษา ประจำปี พ.ศ. 2545 โดยมูลนิธิเพื่อสังคมไทย
· รางวัล “บุคลากรดีเด่นด้านวิชาการ” ประจำปี พ.ศ. 2546 โดยสมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย
· รางวัล “โครงการทุนปริญญาเอกกาญจนาภิเษก” ประจำปี พ.ศ. 2546 และ 2547 โดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย
· รางวัลทุนวิจัย มูลนิธิโทเรเพื่อส่งเสริมวิทยาศาสตร์ประเทศไทย ประจำปี พ.ศ. 2550
· ผู้เชี่ยวชาญและผู้เขียนนำ (Lead Author) ในการวิเคราะห์ประเมินและเขียนรายงานผลกระทบการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศในคณะกรรมการ IPCC (Intergovernmental Panel on Climate Change)
1) บุคคลคุณภาพแห่งปี 2025 ด้านวิทยาศาสตร์

รองศาสตราจารย์ เภสัชกร ดร.ทรงศักดิ์ ศรีอนุชาต (อายุ 81 ปี)
นายกสภาสมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทยกิตติมศักดิ์
1. หน้าที่ความรับผิดชอบในปัจจุบัน
1. นายกสภาสมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทยกิตติมศักดิ์
2. นายกสมาคมพิษวิทยาแห่งประเทศไทย
3. ที่ปรึกษาเภสัชกรรมสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์
4. ประธานมูลนิธิส่งเสริมโภชนาการ
5. ที่ปรึกษาอาวุโส สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล
6. ผู้ก่อตั้งและที่ปรึกษาศูนย์ประเมินความเสี่ยงประเทศไทย (Thailand Risk Assessment Center – TRAC)
2. ประวัติการศึกษา
· พ.ศ. 2510 ปริญญาตรี เภสัชศาสตร์ (เกียรตินิยม อันดับ 2) คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ (ปัจจุบัน มหาวิทยาลัยมหิดล) ปัจจุบันได้โอนไปสังกัด จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
· พ.ศ. 2516 ปริญญาโท (M.S.) Pharmaceutical Chemistry, School of Pharmacy University of Kansas, USA.
· พ.ศ. 2517 ปริญญาเอก (Ph.D.) Pharmaceutical Chemistry, School of Pharmacy University of Kansas, USA.
· พ.ศ. 2526 ประกาศนียบัตรจิตวิทยาความมั่นคง สถาบันจิตวิทยาความมั่นคง กองบัญชาการทหารสูงสุด
· พ.ศ. 2528 ประกาศนียบัตรฝึกอบรมผู้บริหาร มหาวิทยาลัยมหิดล
· พ.ศ. 2534 วุฒิบัตร Mini MPA (รุ่นที่ 3) มหาวิทยาลัยมหิดล
· พ.ศ. 2537 Certificate in “Risk Assessment”, International Union of Toxicology (IUTOX)
· พ.ศ. 2553 ประกาศนียบัตรชั้นสูง การบริหารเศรษฐกิจสาธารณะสำหรับนักบริหารระดับสูง รุนที่ 9 ปศส 9 สถาบันพระปกเกล้า
3. ประวัติการทำงาน
· พ.ศ. 2511-2518 รับราชการนักวิทยาศาสตร์ ห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ SEATO Laboratory, อาจารย์ประจำภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาล รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
· พ.ศ. 2522-2547 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ ศูนย์วิจัยคณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
· หัวหน้าห้องปฏิบัติการ พิษวิทยาและอาหารเคมี ศูนย์วิจัยคณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
· ประธานหลักสูตรโภชนศาสตร์ หลักสูตรร่วมระหว่างคณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาล รามาธิบดี และสภาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล
· ผู้ช่วยผู้อำนวยการ รองผู้อำนวยการ และผู้อำนวยการ สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล (พ.ศ. 2530-2546)
· หัวหน้าหน่วยพิษวิทยาทางอาหาร สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล
· ประธานหลักสูตรพิษวิทยาทางอาหารและโภชนาการ สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล
· นายกสมาคมเภสัชกรรมสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (สภท) 2 สมัย (พ.ศ. 2541-2544) ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษา ของ ภสท
· ประธานสภามนตรี (นายก) สภาสมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (สสวทท) 2 สมัย พ.ศ. 2543-2548
· นายกสมาคมพิษวิทยาแห่งประเทศไทย (ส.พ.ท.) หลายสมัย (พ.ศ. 2532-2538) , พ.ศ. 2540-ปัจจุบัน
· President of Asian Society of Toxicology (ASIATOX) 2 สมัย (พ.ศ. 2543-2547), (พ.ศ. 2558-2561)
· Vice President of Federation of Asian Pharmaceutical Associations (FAPA) พ.ศ. 2546-2557
· ประธานคณะกรรมการและอนุกรรมการด้านวัตถุอันตราย กรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม
· ประธานคณะกรรมการ ประธานคณะอนุกรรมการ รองประธาน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในหลายคณะ ของหน่วยงานต่างๆภายใต้สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม ได้แก่ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม สถาบันอาหาร เป็นต้น
· ประธานคณะอนุกรรมการ กรรมการ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในหลายคณะ ของหน่วยงานต่างๆภายใต้สังกัดของหน่วยงานต่างๆภายใต้สังกัดสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข
· ประธานและกรรมการ ในคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการด้านมาตรฐานสินค้าเกษตร และมาตรฐานอาหารระหว่างประเทศ Codex สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) และอีกหลายคณะของหน่วยงานต่างๆภายใต้สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
· ประธานคณะกรรมการ ประธานคณะอนุกรรมการ กรรมการ ในหลายคณะของหน่วยงานต่างๆภายใต้สังกัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (พ.ศ. 2545-ปัจจุบัน)
· ประธานและกรรมการ ในสถาบันไบโอเทค สวทช. กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม
· ประธานคณะกรรมการจัดประชุม 3rd International Conference of Asian Society of Toxicology ที่จังหวัดกรุงเทพมหานคร และจังหวัดเชียงใหม่ (พ.ศ. 2547)
· กรรมการ ในหลายคณะ ของหน่วยงานต่างๆภายใต้สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ (พ.ศ. 2546-2551)
· ได้รับการสรรหาให้เป็นสมาชิกวุฒิสภา ระหว่างปี พ.ศ. 2551-2554
· ได้รับทุนจากองค์การอนามัยโลกให้ไปดูงานด้านเทคโนโลยีการศึกษา Nitrate, Nitrite and Nitrosamines Formation and Analysis ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ และประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นระยะเวลา 2 เดือน (พ.ศ. 2523)
· หัวหน้าคณะผู้แทนประเทศไทยที่ได้รับเชิญจากองค์การอนามัยโลก ให้เดินทางไปเข้าร่วมประชุมและดูงานในต่างประเทศหลายครั้ง
· หัวหน้าคณะผู้แทนประเทศไทยที่ได้รับเชิญจากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ให้เดินทางไปเข้าร่วมประชุมและดูงานในต่างประเทศหลายครั้ง
· หัวหน้าคณะผู้แทนประเทศไทยที่ได้รับเชิญจากสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้เดินทางไปเข้าร่วมประชุมและดูงานในต่างประเทศหลายครั้ง
· ผู้ก่อตั้งและที่ปรึกษา ศูนย์ประเมินความเสี่ยงประเทศไทย (Thailand Risk Assessment Center – TRAC) พ.ศ. 2546 - ปัจจุบัน
· ประธานมูลนิธิส่งเสริมโภชนาการ พ.ศ. 2562-ปัจจุบัน
· มีผลงานตีพิมพ์ รวม 87 เรื่อง (ตุลาคม 2567) บทความทางวิชาการและงานวิจัย ภาษาอังกฤษ จำนวน 50 เรื่อง, บทความวิชาการ งานวิจัย ตำรา และหนังสือ ภาษาไทย จำนวน 37 เรื่อง
4. นโยบายและอุดมการณ์ในการทำงาน
· นโยบายหลักในการทำงาน คือ อุทิตตนต่อการทำงานในหน่วยงานอย่างเต็มกำลังและความ สามารถ มีปฏิสัมพันธ์กับผู้ร่วมงานทุกระดับอย่างสม่ำเสมอ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและแก้ปัญหาเพื่อการพัฒนา
· อุดมการณ์ คือ งานที่ทำต้องมุ่งเพื่อความสำเร็จ ยึดหลักวิทยาศาสตร์เป็นแนวทางเพื่อให้ได้ข้อมูลใหม่เพื่อการพัฒนา และยึดหลักจริยธรรมและความซื่อสัตย์ เห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน เพื่อให้เกิดความสามัคคีและความก้าวหน้าขององค์กร
5. ความสำเร็จในชีวิตการทำงาน
เมื่อสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก ถือว่าเริ่มงานราชการอย่างเต็มตัว ได้ทำงานในหลายด้าน
1. ได้มีส่วนร่วมในการก่อตั้งสถาบันโภชนาการ ที่มีความสำคัญในการวิจัยเพื่อสุขภาพของประชาชน การให้การศึกษาระดับปริญญาโทและเอก ที่สร้างนักวิชาการให้กับหน่วยงานราชการและเอกชนที่มีส่วนทำให้ประเทศไทยมีความก้าวหน้าทั้งทางด้านอาหารและโภชนาการทัดเทียมนานาชาติ และได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้อำนวยการสถาบันจนเกษียนอายุราชการ
2. ได้ริเริ่มงานวิจัยด้านความปลอดภัยอาหาร โดยอาศัยข้อมูลจาการวิจัยของตนเองและมีนักศึกษาช่วยงาน ในโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติ เช่น การศึกษาด้านพิษวิทยาและความปลอดภัยของอาหาร ทำให้ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการดำเนินการแก้ไข และเสนอแนวทางการพัฒนาด้านอาหารที่เกี่ยวข้องกับโรค จนถึงความเชื่อมโยงกับการเกิดมะเร็ง
3. มีส่วนร่วมในการก่อตั้งมูลนิธิส่งเสริมโภชนาการ โดยทำหน้าที่เป็นเลขานุการมูลนิธิตั้งแต่เริ่มแรกจนเป็นประธานมูลนิธิในปัจจุบัน
4. เป็นผู้ก่อตั้งศูนย์ประเมินความเสี่ยงประเทศไทย (Thailand Risk Assessment Center-TRAC) ภายใต้มูลนิธิส่งเสริมโภชนาการ เป็นศูนย์รับการประเมินความเสี่ยงให้กับหน่วยงานเอกชนที่มีผลิตภัณฑ์จะขอขึ้นทะเบียนกับ อย. ก่อนออกสู่ตลาด หรือทำให้กับหน่วยงานราชการเพื่อเป็นข้อมูในการออกกฎหมายหรือปรับปรุงกฎหมายให้เหมาะสมทันสมัยหลายเรื่อง
5. เป็นกรรมการ และประธาน ทั้งคณะกรรมการต่างๆหลายคณะ ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของสารเคมี และอาหาร เพื่อความปลอดภัยของประชาชนในด้านอาหาร ในสังกัดกรมโรงงานอุตสาหกรรม อย., มกอช. เป็นต้น
6. ร่วมก่อตั้งสมาคมพิษวิทยาแห่งประเทศไทย ที่มีการประชุมวิชาการทุกปีและเป็นนายกสมาคมในปัจจุบัน เป็นนายกสภาสมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (สสวทท) 2 สมัย เป็นองค์กรที่มีสมาชิกเป็นสมาคมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในประเทศไทยจำนวนมาก ปัจจุบันมีสมาชิกรวม 40 สมาคม
7. ร่วมก่อตั้งสมาคมพิษวิทยาแห่งเอเซีย (ASIATOX) มีสมาคมในเอเซียเป็นสมาชิก รวม 8 สมาคม และได้รับเลือกเป็นPresident รวม 2 สมัย และจัดประชุมนานาชาติในประเทศไทย 2 ครั้ง
6. ทรรศนะต่อวงการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นับเป็นพื้นฐานที่สำคัญต่อการวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม เพื่อให้เกิดการพัฒนาประเทศอย่างก้าวกระโดด โดยการพัฒนานวัตกรรมใหม่ที่เพิ่มศักยภาพให้ประเทศหลุดจากกับดักของประเทศรายได้ปานกลาง ที่ประเทศไทยมีปัญหามายาวนานและยังเป็นปัญหาอยู่ในปัจจุบัน
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สมควรต้องให้ประชากรของประเทศได้ตระหนักรู้อย่างน้อยมี mindset ที่เห็นความสำคัญของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการดำเนินชีวิตประจำวัน ซึ่งเป็นองคาพยพที่จะทำให้ประเทศก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ดังนั้น การทำให้วิทยาศาสตร์เป็นที่ตระหนักรู้ของประชาชน (Science popularization) จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
7. กิจการอันเป็นคุณประโยชน์เพื่อสังคม สาธารณกุศล
· ผลิตบัณฑิตระดับปริญญาโท และปริญญาเอก ออกไปปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยราชการและองค์กรเอกชน เพื่อพัฒนาด้านอาหารและโภชนาการของประเทศ ทำให้ลดปัญหาด้านทุพโภชนาการซึ่งเกี่ยวข้องทั้งด้านร่างกายและสมองของเด็ก ที่จะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศในอนาคต และทำให้ผู้ใหญ่และผู้สูงวัยไม่ประสบปัญหาโรคเรื้อรังที่ไม่ติดต่อ (NCDs) ที่จะเป็นปัญหาที่แก้ไขได้ยากแต่ป้องกันได้
· ด้านสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องกับสารเคมีอันตรายที่ใช้มากในประเทศ ได้มีการกำกับ ควบคุม การใช้ไม่ให้เกิดอันตรายต่อคน สัตว์ และสิ่งแวดล้อม
· ในขณะที่เป็นสมาชิกวุฒิสภา ได้เป็นรองประธานคณะกรรมาธิการสาธารณสุข และกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ ได้ทำหน้าที่ประธานคณะอนุกรรมาธิการสาธารณสุข ทำการศึกษาและเสนอแนะ ในการควบคุมกำกับดูแลด้านระบบยาของประเทศซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อสังคม ในคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ ได้เป็นประธานคณะอนุกรรมาธิการแก้ปัญหาราคาผลไม้ตกต่ำเสนอวิธีการแก้ไขต่อรัฐบาลให้ดำเนินการ
· ในด้านสาธารณกุศล ในฐานะประธานมูลนิธิส่งเสริมโภชนาการ ได้มีการรณรงค์ให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในสังคมรอบๆมหาวิทยาลัยมหิดล ดูแลด้านโภชนาการของตนเองและชุมชน เพื่อป้องกันโรค NCDs และให้การช่วยเหลือชุมชนเมื่อประสบปัญหาน้ำท่วมใหญ่โดยช่วยฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมและปัจจัยด้านอาหารและน้ำดื่ม
· จัดสรรทุนการศึกษาให้แก่นักศึกษาในสถาบันโภชนาการ ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ในการศึกษาเป็นประจำ
· ส่งเสริมการตระหนักรู้ด้านวิทยาศาสตร์ในชุมชนเพื่อให้เกิดความยั่งยืนในการประกอบอาชีพและการดำรงชีวิตประจำวันอย่างฉลาดรู้
8. ความภาคภูมิใจและรางวัลเกียรติยศที่ได้รับ
· มีความภูมิใจอย่างมากที่ได้ทำงานรับราชการจนเกษียนอายุราชการในเดือน ตุลาคม พ.ศ. 2547 ในด้านอาหารและโภชนาการและความปลอดภัยอาหาร ที่ได้เกี่ยวข้องในด้านการดูแล และการประเมินความเสี่ยง และจัดการความเสี่ยงเพื่อความปลอดภัยด้านอาหารและประชาชนไทยมีสุขภาพดี
· ได้สร้างบุคคลากรในด้านนี้ให้กับประเทศในระดับปริญญาโทและปริญญาเอก จนออกไปทำงานทั้งในหน่วยงานของรัฐและเอกชนจำนวนมาก
· ได้เป็นผู้ก่อตั้งศูนย์ประเมินความเสี่ยงประเทศไทย (Thailand Risk Assessment Center) ภายใต้มูลนิธิส่งเสริมโภชนาการ ที่ได้ประเมินความปลอดภัยให้กับผลิตภัณฑ์อาหารใหม่ (Novel Foods) ให้กับหน่วยงานเอกชนและหน่วยงานรัฐ เพื่อให้แน่ใจว่าปลอดภัยก่อนออกสู่ตลาด
· เป็นผู้หนึ่งในทีมก่อตั้งสถาบันโภชนาการร่วมกับท่านที่มีชื่อเสียงหลายท่าน ได้แก่ ศาสตราจารย์ ดร. นพ. อารี วัลยะเสวี ศาสตราจารย์ พญ. คุณหญิงสาคร ธนมิตต์ ศาสตราจารย์ ดร. นพ. ไกรสิทร์ ตันติศิรินทร์ เป็นต้น และเป็นผู้ดูแลในการก่อสร้างอาคารสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ณ ศาลายา และหน่วยงานภายในต่างๆให้สามารถดำเนินการจนมีความก้าวหน้าเพื่อเป็นสถาบันชั้นนำในด้านอาหารและโภชนาการและความปลอดภัยอาหารของประเทศไทย และให้เป็นที่รู้จักดีในต่างประเทศ
8.1 เครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่ได้รับ
· มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.) - พ.ศ. 2551
· มหาวชิรมงกุฏ (ม.ว.ม.)
· เหรียญจักรพรรดิมาลา (ร.จ.พ.)
8.2 รางวัลเกียรติยศที่ได้รับ
· พ.ศ. 2556 รางวัล “ศิษย์เก่าดีเด่น” โดยสมาคมศิษย์เก่าคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
· พ.ศ. 2550 รางวัล “มหิดลทยากร” เป็นรางวัลศิษย์เก่าดีเด่น โดยสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยมหิดล
· รางวัล Travel awards ของ IUTOX ทั้ง Junior และ Senior Awards
· รางวัลพ่อตัวอย่าง เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร
· พ.ศ. 2564 รางวัลปูชนียบุคคล เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปี วันพระราชทานนาม 131 ปี มหาวิทยาลัยมหิดล
ทำเนียบเกียรติยศ (Hall of Fame)
เยาวชนคุณภาพแห่งปี 2025

1. นายภัทรชนน ชีวสุทธานนท์ อายุ 20 ปี
ศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 4 คณะวิทยาศาสตร์ สาขาธรณีวิทยาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จังหวัดกรุงเทพมหานคร

2. นายธีรภัทร ศรีพิบูลพานิช อายุ 20 ปี
ศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 3 คณะวิทยาศาสตร์ สาขาวิชาทรัพยากรชีวภาพและชีววิทยาสภาวะแวดล้อม มหาวิทยาลัยมหิดล จังหวัดกรุงเทพมหานคร

3. นายอธิวัฒน์ นันท์แพง อายุ 22 ปี
ศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 4 คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมอุตสาหการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จังหวัดปทุมธานี

4. นายฐาพล ชินกรสกุล อายุ 20 ปี
ศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 3 คณะวิทยาศาสตร์ สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จังหวัดกรุงเทพมหานคร

5. นายณัฐพัชร์ คูหะโรจนานนท์ อายุ 20 ปี
ศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 3 คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมอุตสาหการ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จังหวัดกรุงเทพมหานคร

6. นายนครินทร์ ศรีจันทร์ อายุ 23 ปี
ศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 4 คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน จังหวัดขอนแก่น

7. นางสาววิจิตรา ลาวงศ์เกิด อายุ 22 ปี
ศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 4 คณะวิทยาศาสตร์ สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี

8. นายณัฐวุฒิ บัวแก้ว อายุ 22 ปี
ศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 4 คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม สาขาวิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม จังหวัดพิษณุโลก

9. นายพงศ์ตุลา รพีถวิลวรรณ อายุ 20 ปี
ศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 3 สำนักวิชาวิทยาศาสตร์ สาขาเคมี มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จังหวัดนครศรีธรรมราช

10. นายณัฐนรินทร์ ลีลาศีลธรรม อายุ 21 ปี
ศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 4 คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า มหาวิทยาลัยบูรพา จังหวัดชลบุรี

11. นางสาวอัจฉรา มานะศิริ อายุ 22 ปี
ศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 4 คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาชีววิทยา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม จังหวัดนครปฐม

12. นางสาวกอมารีย๊ะห์ หะแตมุ อายุ 21 ปี
ศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 3 คณะวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและการเกษตร สาขาวิทยาศาสตร์ทั่วไป มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา จังหวัดยะลา

13. นายชนุดม หมั่นคิด อายุ 21 ปี
ศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 4 คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาเทคโนโลยีและนวัตกรรมการอาหาร มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย จังหวัดเชียงราย

14. นายธนธรณ์ ไชยบำรุง อายุ 21 ปี
ศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 4 คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมโยธา มหาวิทยาลัยพะเยา จังหวัดพะเยา

15. นางสาวธนพรรณ พงศ์เลิศคณิต อายุ 21 ปี
ศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 4 คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จังหวัดปทุมธานี

16. นางสาวกมลวรรณ มิ่งขวัญ อายุ 22 ปี
ศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 4 คณะวิทยาศาสตร์ สาขาวัสดุศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ จังหวัดกรุงเทพมหานคร

17. นางสาวพลอยชมพู คำบุญ อายุ 21 ปี
ศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 4 คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาเคมี มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม จังหวัดพิษณุโลก

18. นายพัชรพล ไฝจู อายุ 19 ปี
ศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 2 คณะวิทยาศาสตร์ สาขาคณิตศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จังหวัดสงขลา

19.นายอังศุธร งามประสิทธิ์ อายุ 19 ปี
ศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 2 คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมวัสดุ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จังหวัดกรุงเทพมหานคร
เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2568 ดร.ประสิทธิ์ ทีฆพุฒิ และคณะ ได้เดินทางไปร่วมทำบุญเป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหารเพล ถวายยารักษาโรค และปัจจัยเป็นค่าภัตตาหารและส่งเสริมการศึกษาพระปริยัติ แด่ภิกษุสามเณร ที่กำลังศึกษาพระปริยัติธรรม (สายบาลี และสายสามัญ) เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร “วันนวมินทรมหาราช” เพื่อแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ณ วัดตากฟ้า พระอารามหลวง ต.ตากฟ้า อ.ตากฟ้า จ.นครสวรรค์ โดยมีท่านเจ้าคุณ พระเทพปัญญาภรณ์ (ริด ริตเวที ป.ธ. 9) เจ้าอาวาสวัดตากฟ้า พระอารามหลวง, รองเจ้าคณะภาค 4 ,รองประธานคณะกรรมการหมู่บ้านรักษาศีล 5 ส่วนกลาง เป็นประธานในพิธีสงฆ์


วัดตากฟ้า พระอารามหลวง ได้จัดตั้งสำนักศาสนศึกษาวัดตากฟ้า และโรงเรียนศรีนภเขตวิทยา (โรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษา) เพื่อเปิดการเรียนการสอนพระปริยัติธรรมแผนกบาลี แผนกธรรม แผนกสามัญศึกษา เพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา และเป็นการสร้างโอกาสทางการศึกษาและปลูกฝังจริยธรรมอันดีงามให้กับเยาวชนไทยที่มาจากพื้นที่ภาคเหนือและทั่วภูมิภาคที่มาบวชเรียนในวัดตากฟ้าแห่งนี้ เพื่อให้เยาวชนเหล่านี้ได้เจริญเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพให้กับสังคมไทย ปัจจุบันมีพระภิกษุและสามเณร ประมาณ 300 รูป โดยสามเณรที่มาบรรพชา ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น



การศึกษาเล่าเรียนของภิกษุสามเณรวัดตากฟ้า ได้สร้างชื่อเสียงให้กับวัดตากฟ้าเป็นอย่างมาก โดยผลการสอบบาลีของสามเณรวัดตากฟ้า ตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน พระภิกษุและสามเณรวัดตากฟ้า พระอารามหลวง ได้รับทุนพระราชทานเล่าเรียนหลวงดีเด่น ในฐานะมีนักเรียนสอบบาลีได้เป็นอันดับที่ 1 ของจังหวัด และติดอันดับ 1-10 ของประเทศ เป็นระยะเวลา 19 ปี
กิจกรรมทำบุญวัดตากฟ้า พระอารามหลวง เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมของมูลนิธิสภาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (มสวท.) ในด้านการส่งเสริมความร่วมมือกับ มูลนิธิ วัด ในการพัฒนาองค์ความรู้ เพื่อเพิ่มศักยภาพของบุคลากรและความก้าวหน้าของประเทศ โดยมูลนิธิ มสวท. ได้เริ่มกิจกรรมนี้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 – ปัจจุบัน โดยเป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหารเพล แด่พระภิกษุและสามเณร ประมาณ 300 รูป พร้อมทั้งถวายยารักษาโรค สังฆทาน หลอดไฟ เครื่องนุ่งห่ม ปัจจัยเพื่อสนับสนุนด้านการศึกษาพระปริยัติธรรม และการสร้างศาสนสถาน (ขึ้นอยู่กับความจำเป็นของวัดในแต่ละปี) อย่างต่อเนื่องกันมาทุกปี ปีละ 1 หรือ 2 ครั้ง ซึ่งปีนี้เป็นปีที่ 16
กิจกรรมที่มูลนิธิ มสวท. ยังให้การสนับสนุน โดย ดร.ประสิทธิ์ ทีฆพุฒิ ประธานมูลนิธิ มสวท. ได้เล็งเห็นความสำคัญของการสร้างและพัฒนาเด็กและเยาวชนให้เป็นคนที่มีคุณภาพ ซึ่งจะกลายเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติในอนาคต ดังนั้น ในปี พ.ศ. 2552 มูลนิธิ มสวท. จึงได้จัดตั้งกองทุนมูลนิธิ มสวท. เพื่อวัดตากฟ้า บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย สาขาตากฟ้า เลขที่ 626-0-13267-0 เพื่อเป็นสื่อกลางและสะพานบุญให้ญาติโยมและสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาที่อาศัยอยู่ในเมือง โดยเฉพาะในจังหวัดกรุงเทพมหานครและทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ได้ร่วมกันบริจาคเงินเพื่อช่วยสนับสนุนเรื่องค่าใช้จ่ายภัตตาหารเพลและด้านการศึกษาของพระภิกษุสามเณร ซึ่งมูลนิธิ มสวท. ได้มอบบัญชีกองทุนไว้ให้วัดตากฟ้าเป็นผู้ดูแล โดยมุ่งหวังให้เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชนและสาธารณกุศลอย่างแท้จริง
โครงการร่วมใจรักษ์สิ่งแวดล้อม ครั้งที่ 33
ดร.ประสิทธิ์ ทีฆพุฒิ ประธานมูลนิธิ และทีมจิตอาสา ได้เดินทางไปวัดจากแดง ต.ทรงคนอง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2568 เพื่อบริจาคขวดพลาสติกใส PET ขนาด 1.5 ลิตร และ 5 ลิตร พร้อมภาชนะพลาสติกที่ใช้บรรจุอาหารเดลิเวอรี่ ขวดบรรจุเครื่องดื่มชนิดใสและชนิดขุ่น ถุงพลาสติกที่ใช้ใส่เครื่องดื่ม อาหาร หรือห่อหุ้มพัสดุ ที่ผ่านการใช้งานแล้ว หลอดกาแฟ แก้วน้ำ ช้อนส้อม และกล่องนม UHT กล่องข้าว จานโฟมใส่อาหารที่ผ่านการใช้งานแล้ว โดยจิตอาสาได้เก็บรวบรวมเพื่อให้ทางวัดได้นำไป Upcycling เป็นวัสดุใหม่ ได้แก่ ผ้าจีวรนาโน, ชุด PPE, น้ำมันเชื้อเพลิง, กุฏิสงฆ์, อาคารเรียน, อิฐปูพื้น ฯลฯ พร้อมกันนี้ได้ร่วมบริจาคเงินกับทางวัดเพื่อใช้ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้สืบไป วัดจากแดงปัจจุบัน มีพระภิกษุชาวไทยและต่างชาติ ประมาณ 45 รูป ปกติทางวัดได้เปิดโครงการศึกษาพระไตรปิฎกให้กับพระภิกษุ นักบวช ฆราวาส อุบาสก และอุบาสิกา ทั้งชาวไทยและต่างชาติ (เอเชีย ยุโรป) รวมกว่า 400 รูป/คน ในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ ในวันที่ได้ไปร่วมบริจาคครั้งนี้ มีคณะอาจารย์และนักศึกษาจากวิทยาลัยพาณิชยการเชตุพน ได้เดินทางไปทัศนศึกษาเกี่ยวกับโครงการรักษ์โลกที่วัดจากแดงอีกด้วย
จีวรนาโน (จีวรรีไซเคิล)
การผลิตจีวรรีไซเคิลจะใช้ขยะขวดพลาสติก PET ชนิดใส ขนาด 1.5 ลิตร จำนวน 15 ขวด ผลิตผ้าจีวรได้ จำนวน 1 ผืน หากผลิตผ้าไตรจีวร จำนวน 1 ชุด จะใช้ขวด PET จำนวน 60 ขวด ทั้งนี้ จีวรรีไซเคิลที่วัดจากแดง นับเป็นจีวรรีไซเคิลผืนแรกของประเทศไทย ที่ใช้นวัตกรรมแปรรูปเม็ดพลาสติกด้วยนาโนเทคโนโลยี ในกระบวนการผลิตเป็นเส้นใย เพื่อนำมาทอเป็นผืนผ้าบังสุกุลอย่างดี ส่วนการย้อมสีราชนิยม ก็เป็นไปตามพระวินัย ตามกิจของพระสงฆ์ มีทั้งผ้า 5 ขันฑ์ (ชิ้น) 9 ขันฑ์ (ชิ้น) และสังฆาฎิ 2 ชั้น ซึ่งการผลิตนี้เป็นไปตามหลักพุทธบัญญัติทุกประการ โครงการจีวรรีไซเคิล ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรต่างๆ ถือเป็นหนึ่งในโครงการ OUR Khung BangKachao ของมูลนิธิชัยพัฒนา ซึ่งเป็นโครงการที่สนองพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) ว่าควรสงวนพื้นที่บางกระเจ้าแห่งนี้ไว้ (คุ้มบางกะเจ้า เป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ใกล้เมือง ล้อมรอบด้วยลำน้ำเจ้าพระยา อยู่ใน อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ครอบคลุมพื้นที่ 6 ตำบล ได้แก่ ต.บางกะเจ้า ต.บางน้ำผึ้ง ต.บางกอบัว ต.บางกระสอบ ต.บางยอ และต.ทรงคนอง) เพื่อเป็นพื้นที่สีเขียวและคงความเป็นปอดของคนเมือง เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่ลมมรสุมจากอ่าวไทย จะพัดพาอากาศบริสุทธิ์ในพื้นที่แห่งนี้เข้าไปไล่อากาศเสียในกรุงเทพมหานครเป็นเวลาปีละ 9 เดือน มูลนิธิชัยพัฒนาได้ประสานกับหลายภาคส่วนร่วมกันเป็นภาคีเครือข่าย มุ่งเน้นการพัฒนา 6 ด้าน ได้แก่ การพัฒนาพื้นที่สีเขียว การจัดการน้ำ การจัดการขยะ การส่งเสริมอาชีพ การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน รวมถึงการพัฒนาเยาวชน การศึกษา และวัฒนธรรม ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ พ.ศ. 2561-2566 โครงการฯ มีเครือข่ายภาคีเพิ่มขึ้นเป็น 113 องค์กร

วัดจากแดงนอกเหนือจากจะเป็นศาสนสถานสำหรับประกอบพิธีกรรมทางพุทธศาสนาแล้ว ทางวัดได้เปิดหลักสูตรอบรมพระปริยัติธรรมให้กับพระภิกษุสามเณร และพุทธบริษัททั่วไป ทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ได้แก่ อังกฤษ สเปน โปรตุเกส อินโดนีเซีย ศรีลังกา พม่า จีน กัมพูชา ลาว เวียดนาม เป็นต้น พุทธศานิกชนสามารถร่วมอุปถัมภ์การเรียนพระปริยัติของพระภิกษุ สามเณร ได้ที่บัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาสำนักราษฎร์บูรณะ ชื่อบัญชี สำนักศาสนศึกษาวัดจากแดง เลขที่บัญชี 083 377873-0
นอกจากนี้ ทางวัดกำลังจัดทำโครงการก่อสร้างอาคารเรียนพระไตรปิฎกจากวัสดุรีไซเคิล ซึ่งจะเป็นอาคารต้นแบบที่ส่งเสริมให้คนไทยหันมาใช้วัสดุในการก่อแบบรักษ์โลก สามารถร่วมทุนสนับสนุนการสร้างอาคารเรียนพระไตรปิฎกได้ที่บัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาพระประแดง เลขที่บัญชี 193-2-83107-2 ชื่อบัญชี วัดจากแดง
การดำเนินโครงการร่วมใจรักษ์สิ่งแวดล้อมครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 33
เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563 สืบเนื่องจากนโยบายของภาครัฐในการลดขยะพลาสติกที่กำลังเป็นปัญหาต่อสิ่งแวดล้อมของไทย ประกอบกับในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของประเทศไทย ภาครัฐได้ออกมาตรการต่างๆและขอให้หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ใช้นโยบาย Work from home เพื่อหยุดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จึงเป็นผลให้พฤติกรรมในการบริโภคของประชากรส่วนใหญ่เปลี่ยนไป ผู้คนในวัยทำงานและวัยกำลังศึกษานิยมสั่งซื้ออาหารและเครื่องดื่มแบบเดลิเวอรี่กันเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดปัญหาขยะพลาสติกและโฟมเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ดร.ประสิทธิ์ และทีมงานจิตอาสา จึงได้ร่วมกันดำเนินการเก็บ รวบรวม และคัดแยกขยะขวดพลาสติก ภาชนะใส่อาหารและเครื่องดื่มที่ทำจากพลาสติก กล่องนม และกล่องโฟมที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน นำไปบริจาคที่วัดจากแดง จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อเข้าสู่กระบวนกำจัดขยะที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ และยังเป็นการทำให้ขยะเหล่านี้กลายเป็นผลผลิตใหม่ (Recycle) ที่นำกลับมาให้ใช้งานได้จริง ขยะพลาสติกจำพวกถุงพลาสติก ขวดพลาสติกขุ่น หลอดกาแฟ แก้วพลาสติก ที่ไม่สามารถนำมา recycle ได้อีก ก็จะนำไปเข้าสู่กระบวนการไพโรไลซิส (Pyrolysis) แปรรูปเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับใช้ในรถยนต์และเครื่องจักรกลทางการเกษตรของวัดจากแดง ช่วยลดค่าใช้จ่ายในเรื่องน้ำมันเชื้อเพลิง อีกทั้งยังเป็นการสร้างงานให้กับคนยากจน ผู้พิการ และผู้ด้อยโอกาส (ส่วนใหญ่เป็นคนไทยและต่างชาติที่อาศัยอยู่ในบริเวณชุมชนใกล้เคียงวัดจากแดง ปัจจุบันมีประมาณ 30 คน
โครงการนี้แม้เป็นโครงการเล็กๆ แต่ให้คุณประโยชน์มหาศาลต่อสุขภาพและชีวิตของคน พืช และสัตว์ ในระยะยาว เพราะวิถีชีวิตคนในเมืองที่มีความเร่งรีบและต้องใช้ชีวิตแข่งกับเวลาอยู่ทุกวัน ย่อมเป็นเรื่องยากที่จะรณรงค์ให้ผู้คนในเมืองส่วนใหญ่ลดการใช้พลาสติกได้อย่างแท้จริง หากปล่อยให้ทางภาครัฐจัดการขยะพลาสติกเหล่านี้เองตามลำพัง ด้วยวิธีการทำลายแบบฝังกลบ (ใช้เวลาอีกยาวนานกว่าจะขยะพลาสติกจะย่อยสลาย) ซึ่งอาจทำให้เกิดการตกหล่นไปอุดตันในท่อระบายน้ำ หรือไปตกหล่นอยู่ในแหล่งน้ำธรรมชาติ ทำให้เกิดแหล่งเพาะเชื้อโรค ขยะบางส่วนจะถูกกำจัดโดยวิธีที่ไม่ถูกต้อง เช่น เทกองรวมกัน การเผาในเตาแบบไม่มีระบบบำบัดมลพิษทางอากาศ การเผากำจัดกลางแจ้ง เป็นต้น สุดท้ายจะก่อให้เกิดผลเสียต่อระบบนิเวศ (Ecosystem) และทำลายสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติที่อยู่รอบตัวเรา เมื่อเวลาผ่านไปยาวนาน จะก่อให้เกิดธรรมชาติที่ผิดเพี้ยนไป ในที่สุดจะส่งผลกระทบทางลบต่อชีวิตสัตว์ พืช และมนุษย์ ให้ดำรงชีวิตได้อย่างลำบากมากขึ้น
ประธานมูลนิธิและทีมงานจิตอาสา จึงมีความตระหนักและเห็นคุณค่าการทำประโยชน์เพื่อสังคมในด้านสิ่งแวดล้อมว่าเป็นเรื่องที่จำเป็น โดยยืนหยัดที่จะทำต่อไป อย่างน้อยก็เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับหลายๆองค์กรทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ได้มีแรงบันดาลใจในการทำความดีเพื่อสังคมและประเทศชาติอย่างไม่มีคำว่า สิ้นสุด เพราะสุดท้ายคนที่ได้รับประโยชน์ที่แท้จริงก็คือพวกเราทุกคน
ปัจจุบัน ทางวัดจากแดงก็ได้เปิดโครงการ ส่งขยะกลับบ้าน โดยเปิดรับบริจาค เสื้อผ้าเก่า ผ้าขาดที่ใช้ไม่ได้แล้ว ชุดยูนิฟอร์มพนักงาน ถุงเท้า ชุดชั้นในเก่า,เก่า เพื่อจะนำไปสู่กระบวนการรีไซเคิลเส้นใยแล้วนำไปฟอกย้อมเพื่อนำกลับมาใช้ผลิตเสื้อผ้าใหม่ ท่านใดสนใจจะส่งขยะเหล่านี้กลับบ้าน สามารถติดต่อกับทางวัดได้โดยตรง
หมายเหตุ สำหรับจิตอาสาท่านใดที่ประสงค์จะร่วมบริจาคขยะพลาสติกที่ใช้งานแล้ว กล่องนม ขวดพลาสติกที่ใส่เครื่องดื่ม จานโฟมใส่อาหาร หรือห่อผลไ้ม้ ล้างน้ำเปล่าและผึ่งลมให้แห้ง สามารถจัดส่งพัสดุทางไปรษณีย์ไปที่ วัดจากแดง ต.ทรงคนอง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ได้โดยตรง ทางวัดจากแดงมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลและเปิดรับบริจาคทุกวันไม่เว้นเสาร์อาทิตย์และวันหยุดราชการ ในช่วงฤดูฝนก็สามารถขับรถไปบริจาคได้ (ไม่เปียก) เพราะปัจจุบันทางวัดได้สร้างหลังคาคลุมลานเอนกประสงค์อยู่ด้านหน้าอาคารวัฏสสารและที่รับบริจาคไว้แล้ว
เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2568 ดร.ประสิทธิ์ ทีฆพุฒิ ประธานมูลนิธิ มสวท. และคณะ ได้เข้าร่วมพิธีวางพุ่มดอกไม้ ถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามงกุฎวิทยามหาราช (รัชกาลที่ 4) “พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย” เนื่องในโอกาส “วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ” โดยมี ฯพณฯ นายพลากร สุวรรณรัฐ (องคมนตรี) ผู้แทนพระองค์ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.), คณะผู้บริหารหน่วยงานในสังกัด อว., ผู้แทนส่วนราชการและหน่วยงานต่างๆ ณ บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 4 กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) ซอยโยธี ถนนพระรามที่ 6 กรุงเทพมหานคร





มูลนิธิสภาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (มสวท.)
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
สถานที่ติดต่อ :
288/52 อาคารมูลนิธิ มสวท. ถนนพหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร 10220
Tel. +66(0) 2552-5200 Fax. +66(0) 2551-4422 Email : thaifstt@gmail.com
Copyright © 2008-2015 หากมีปัญหาในการรับชมกรุณาติดต่อ Webmaster ที่ admin@thaifstt.org