โครงการร่วมใจรักษ์สิ่งแวดล้อม ครั้งที่ 28

เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2567 ดร.ประสิทธิ์ ทีฆพุฒิ ประธานมูลนิธิ และทีมจิตอาสา ได้เดินทางไปวัดจากแดง .ทรงคนอง .พระประแดง .สมุทรปราการ เพื่อบริจาคขวดพลาสติกใส PET ขนาด 1.5 ลิตร และ 5 ลิตร พร้อมภาชนะพลาสติกที่ใช้บรรจุอาหารเดลิเวอรี่ ขวดบรรจุเครื่องดื่มชนิดใสและชนิดขุ่น ถุงพลาสติกที่ใช้ใส่เครื่องดื่ม อาหาร หรือห่อหุ้มพัสดุ ที่ผ่านการใช้งานแล้ว หลอดกาแฟ แก้วน้ำ ช้อนส้อม และกล่องนม UHT กล่องข้าว จานโฟมใส่อาหารที่ผ่านการใช้งานแล้ว โดยจิตอาสาได้เก็บรวบรวมเพื่อให้ทางวัดได้นำไป Upcycling เป็นวัสดุใหม่ ได้แก่ ผ้าจีวรนาโนชุด PPE, น้ำมันเชื้อเพลิงกุฏิสงฆ์, อาคารเรียน, อิฐปูพื้น ฯลฯ พร้อมกันนี้ได้ร่วมบริจาคเงินกับทางวัดเพื่อใช้ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้สืบไป วัดจากแดงปัจจุบัน มีพระภิกษุและสามเณร ประมาณ 50 กว่ารูป ซึ่งเป็นพระภิกษุชาวไทยและสามเณร มีพระเถระต่างชาติ 10 กว่ารูป ปกติทางวัดได้เปิดโครงการศึกษาพระไตรปิฎกให้กับพระภิกษุ นักบวช ฆราวาส อุบาสก และอุบาสิกา ทั้งชาวไทยและต่างชาติ (เอเชีย ยุโรป) รวมกว่า 400 รูป/คน ในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ อีกด้วย 

 



เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2567 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงติดตามงานโครงการ Our Khung Bangkachao ที่จังหวัดสมุทรปราการ และทรงเปิดศูนย์วัฏสสาร (ศูนย์เรียนรู้การจัดการขยะ) ณ วัดจากแดง ซึ่งบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ได้พัฒนาอาคารเก่าของวัดจากแดง เป็นศูนย์การเรียนรู้ด้านการจัดการขยะครบวงจร เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้ด้านการจัดการขยะให้กับประชาชนทั่วไป ตามแนวคิด เปลี่ยนขยะให้เป็นบุญ นอกจากจะเป็นการจัดการขยะที่มีประสิทธิภาพแล้ว ยังสร้างงานและความมีส่วนร่วมให้กับชุมชน ช่วยลดปริมาณขยะในพื้นที่และเพิ่มมูลค่าให้กับขยะ โดยนำไป Upcycling ให้เป็นวัสดุใหม่ ได้แก่ ขวดพลาสติกใส นำไปทำเป็นผ้าไตรจีวร เสื้อผ้า หมวก กระเป๋า, ฝาขวด นำไปทำเป็นโต๊ะ เก้าอี้ ถนนราดยางพลาสติก, ฉลากขวด นำไปทำเป็นเชื้อเพลิง, พลาสติกอื่นๆ นำไปทำเป็นอิฐบล็อกปูพื้น เป็นต้น



จีวรนาโน (จีวรรีไซเคิล)

การผลิตจีวรรีไซเคิลจะใช้ขยะขวดพลาสติก PET ชนิดใส ขนาด 1.5 ลิตร จำนวน 15 ขวด ผลิตผ้าจีวรได้ จำนวน 1 ผืน หากผลิตผ้าไตรจีวร จำนวน 1 ชุด จะใช้ขวด PET จำนวน 60 ขวด ทั้งนี้ จีวรรีไซเคิลที่วัดจากแดง นับเป็นจีวรรีไซเคิลผืนแรกของประเทศไทย ที่ใช้นวัตกรรมแปรรูปเม็ดพลาสติกด้วยนาโนเทคโนโลยี ในกระบวนการผลิตเป็นเส้นใย เพื่อนำมาทอเป็นผืนผ้าบังสุกุลอย่างดี ส่วนการย้อมสีราชนิยม ก็เป็นไปตามพระวินัย ตามกิจของพระสงฆ์ มีทั้งผ้า 5 ขันฑ์ (ชิ้น) 9 ขันฑ์ (ชิ้น) และสังฆาฎิ 2 ชั้น ซึ่งการผลิตนี้เป็นไปตามหลักพุทธบัญญัติทุกประการ โครงการจีวรรีไซเคิล ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรต่างๆ ถือเป็นหนึ่งในโครงการ OUR Khung BangKachao  ของมูลนิธิชัยพัฒนา ซึ่งเป็นโครงการที่สนองพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) ว่าควรสงวนพื้นที่บางกระเจ้าแห่งนี้ไว้ (คุ้มบางกะเจ้า เป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ใกล้เมือง ล้อมรอบด้วยลำน้ำเจ้าพระยา อยู่ใน อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ครอบคลุมพื้นที่ 6 ตำบล ได้แก่ ต.บางกะเจ้า ต.บางน้ำผึ้ง ต.บางกอบัว ต.บางกระสอบ ต.บางยอ และต.ทรงคนอง) เพื่อเป็นพื้นที่สีเขียวและคงความเป็นปอดของคนเมือง เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่ลมมรสุมจากอ่าวไทย จะพัดพาอากาศบริสุทธิ์ในพื้นที่แห่งนี้เข้าไปไล่อากาศเสียในกรุงเทพมหานครเป็นเวลาปีละ 9 เดือน มูลนิธิชัยพัฒนาได้ประสานกับหลายภาคส่วนร่วมกันเป็นภาคีเครือข่าย มุ่งเน้นการพัฒนา 6 ด้าน ได้แก่ การพัฒนาพื้นที่สีเขียว การจัดการน้ำ การจัดการขยะ การส่งเสริมอาชีพ การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน รวมถึงการพัฒนาเยาวชน การศึกษา และวัฒนธรรม ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ พ.ศ. 2561-2566 โครงการฯ มีเครือข่ายภาคีเพิ่มขึ้นเป็น 113 องค์กร 

 

 

วัดจากแดงนอกเหนือจากจะเป็นศาสนสถานสำหรับประกอบพิธีกรรมทางพุทธศาสนาแล้ว ทางวัดได้เปิดหลักสูตรอบรมพระปริยัติธรรมให้กับพระภิกษุสามเณร และพุทธบริษัททั่วไป ทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ได้แก่ อังกฤษ สเปน โปรตุเกส อินโดนีเซีย ศรีลังกา พม่า จีน กัมพูชา ลาว เวียดนาม เป็นต้น พุทธศานิกชนสามารถร่วมอุปถัมภ์การเรียนพระปริยัติของพระภิกษุ สามเณร ได้ที่บัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาสำนักราษฎร์บูรณะ ชื่อบัญชี สำนักศาสนศึกษาวัดจากแดง เลขที่บัญชี 083 377873-0

นอกจากนี้ ทางวัดกำลังจัดทำโครงการก่อสร้างอาคารเรียนพระไตรปิฎกจากวัสดุรีไซเคิล ซึ่งจะเป็นอาคารต้นแบบที่ส่งเสริมให้คนไทยหันมาใช้วัสดุในการก่อแบบรักษ์โลก สามารถร่วมทุนสนับสนุนการสร้างอาคารเรียนพระไตรปิฎกได้ที่บัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาพระประแดง เลขที่บัญชี 193-2-83107-2 ชื่อบัญชี วัดจากแดง

 

การดำเนินโครงการร่วมใจรักษ์สิ่งแวดล้อมครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 28

เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี ..2563 สืบเนื่องจากนโยบายของภาครัฐในการลดขยะพลาสติกที่กำลังเป็นปัญหาต่อสิ่งแวดล้อมของไทย ประกอบกับในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของประเทศไทย ภาครัฐได้ออกมาตรการต่างๆและขอให้หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ใช้นโยบาย Work from home เพื่อหยุดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019  จึงเป็นผลให้พฤติกรรมในการบริโภคของประชากรส่วนใหญ่เปลี่ยนไป ผู้คนในวัยทำงานและวัยกำลังศึกษานิยมสั่งซื้ออาหารและเครื่องดื่มแบบเดลิเวอรี่กันเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดปัญหาขยะพลาสติกและโฟมเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ดร.ประสิทธิ์ และทีมงานจิตอาสา จึงได้ร่วมกันดำเนินการเก็บ รวบรวม และคัดแยกขยะขวดพลาสติก ภาชนะใส่อาหารและเครื่องดื่มที่ทำจากพลาสติก กล่องนม และกล่องโฟมที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน นำไปบริจาคที่วัดจากแดง จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อเข้าสู่กระบวนกำจัดขยะที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ และยังเป็นการทำให้ขยะเหล่านี้กลายเป็นผลผลิตใหม่ (Recycle) ที่นำกลับมาให้ใช้งานได้จริง ขยะพลาสติกจำพวกถุงพลาสติก ขวดพลาสติกขุ่น หลอดกาแฟ แก้วพลาสติก ที่ไม่สามารถนำมา recycle ได้อีก ก็จะนำไปเข้าสู่กระบวนการไพโรไลซิส (Pyrolysis) แปรรูปเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับใช้ในรถยนต์และเครื่องจักรกลทางการเกษตรของวัดจากแดง ช่วยลดค่าใช้จ่ายในเรื่องน้ำมันเชื้อเพลิง อีกทั้งยังเป็นการสร้างงานให้กับคนยากจน ผู้พิการ และผู้ด้อยโอกาส (ส่วนใหญ่เป็นคนไทยและต่างชาติที่อาศัยอยู่ในบริเวณชุมชนใกล้เคียงวัดจากแดง ปัจจุบันมีประมาณ 30 คน

โครงการนี้แม้เป็นโครงการเล็กๆ แต่ให้คุณประโยชน์มหาศาลต่อสุขภาพและชีวิตของคน พืช และสัตว์ ในระยะยาว เพราะวิถีชีวิตคนในเมืองที่มีความเร่งรีบและต้องใช้ชีวิตแข่งกับเวลาอยู่ทุกวัน ย่อมเป็นเรื่องยากที่จะรณรงค์ให้ผู้คนในเมืองส่วนใหญ่ลดการใช้พลาสติกได้อย่างแท้จริง หากปล่อยให้ทางภาครัฐจัดการขยะพลาสติกเหล่านี้เองตามลำพัง ด้วยวิธีการทำลายแบบฝังกลบ (ใช้เวลาอีกยาวนานกว่าจะขยะพลาสติกจะย่อยสลาย) ซึ่งอาจทำให้เกิดการตกหล่นไปอุดตันในท่อระบายน้ำ หรือไปตกหล่นอยู่ในแหล่งน้ำธรรมชาติ ทำให้เกิดแหล่งเพาะเชื้อโรค ขยะบางส่วนจะถูกกำจัดโดยวิธีที่ไม่ถูกต้อง เช่น เทกองรวมกัน การเผาในเตาแบบไม่มีระบบบำบัดมลพิษทางอากาศ การเผากำจัดกลางแจ้ง เป็นต้น สุดท้ายจะก่อให้เกิดผลเสียต่อระบบนิเวศ (Ecosystem) และทำลายสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติที่อยู่รอบตัวเรา เมื่อเวลาผ่านไปยาวนาน จะก่อให้เกิดธรรมชาติที่ผิดเพี้ยนไป ในที่สุดจะส่งผลกระทบทางลบต่อชีวิตสัตว์ พืช และมนุษย์ ให้ดำรงชีวิตได้อย่างลำบากมากขึ้น
ประธานมูลนิธิและทีมงานจิตอาสา จึงมีความตระหนักและเห็นคุณค่าการทำประโยชน์เพื่อสังคมในด้านสิ่งแวดล้อมว่าเป็นเรื่องที่จำเป็น โดยยืนหยัดที่จะทำต่อไป อย่างน้อยก็เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับหลายๆองค์กรทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ได้มีแรงบันดาลใจในการทำความดีเพื่อสังคมและประเทศชาติอย่างไม่มีคำว่า สิ้นสุด เพราะสุดท้ายคนที่ได้รับประโยชน์ที่แท้จริงก็คือพวกเราทุกคน

หมายเหตุ สำหรับจิตอาสาท่านใดที่ประสงค์จะร่วมบริจาคขยะพลาสติกที่ใช้งานแล้ว กล่องนม ขวดพลาสติกที่ใส่เครื่องดื่ม จานโฟมใส่อาหาร หรือห่อผลไ้ม้ ล้างน้ำเปล่าและผึ่งลมให้แห้ง สามารถจัดส่งพัสดุทางไปรษณีย์ไปที่ วัดจากแดง .ทรงคนอง .พระประแดง .สมุทรปราการ ได้โดยตรง ทางวัดจากแดงมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลและเปิดรับบริจาคทุกวันไม่เว้นเสาร์อาทิตย์และวันหยุดราชการ

โครงการร่วมใจรักษ์สิ่งแวดล้อม ครั้งที่ 27

เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2567 ดร.ประสิทธิ์ ทีฆพุฒิ ประธานมูลนิธิ และทีมจิตอาสา ได้เดินทางไปวัดจากแดง .ทรงคนอง .พระประแดง .สมุทรปราการ เพื่อบริจาคขวดพลาสติกใส PET ขนาด 1.5 ลิตร และ 5 ลิตร พร้อมภาชนะพลาสติกที่ใช้บรรจุอาหารเดลิเวอรี่ ขวดบรรจุเครื่องดื่มชนิดใสและชนิดขุ่น ถุงพลาสติกที่ใช้ใส่เครื่องดื่ม อาหาร หรือห่อหุ้มพัสดุ ที่ผ่านการใช้งานแล้ว หลอดกาแฟ แก้วน้ำ ช้อนส้อม และกล่องนม UHT กล่องข้าว จานโฟมใส่อาหารที่ผ่านการใช้งานแล้ว โดยจิตอาสาได้เก็บรวบรวมแล้วนำมาทำความสะอาดในเบื้องต้น เพื่อให้ทางวัดได้นำไปรีไซเคิลใหม่เป็นผ้าจีวรนาโนชุด PPE, น้ำมันเชื้อเพลิงกุฏิสงฆ์, อาคารเรียน, อิฐปูพื้น ฯลฯและได้ร่วมบริจาคเงินกับทางวัดเพื่อใช้ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้สืบไป วัดจากแดงปัจจุบัน มีพระภิกษุประมาณ 68 รูป ซึ่งเป็นพระภิกษุชาวไทยและสามเณร มีพระเถระต่างชาติ 10 กว่ารูป ปกติทางวัดได้เปิดโครงการศึกษาพระไตรปิฎกให้กับพระภิกษุ นักบวช ฆราวาส อุบาสก และอุบาสิกา ทั้งชาวไทยและต่างชาติ (เอเชีย ยุโรป) รวมกว่า 400 รูป/คน ในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ อีกด้วย 

 



จีวรนาโน (จีวรรีไซเคิล)

การผลิตจีวรรีไซเคิลจะใช้ขยะขวดพลาสติก PET ชนิดใส ขนาด 1.5 ลิตร จำนวน 15 ขวด ผลิตผ้าจีวรได้ จำนวน 1 ผืน หากผลิตผ้าไตรจีวร จำนวน 1 ชุด จะใช้ขวด PET จำนวน 60 ขวด ทั้งนี้ จีวรรีไซเคิลที่วัดจากแดง นับเป็นจีวรรีไซเคิลผืนแรกของประเทศไทย ที่ใช้นวัตกรรมแปรรูปเม็ดพลาสติกด้วยนาโนเทคโนโลยี ในกระบวนการผลิตเป็นเส้นใย เพื่อนำมาทอเป็นผืนผ้าบังสุกุลอย่างดี ส่วนการย้อมสีราชนิยม ก็เป็นไปตามพระวินัย ตามกิจของพระสงฆ์ มีทั้งผ้า 5 ขันฑ์ (ชิ้น) 9 ขันฑ์ (ชิ้น) และสังฆาฎิ 2 ชั้น ซึ่งการผลิตนี้เป็นไปตามหลักพุทธบัญญัติทุกประการ โครงการจีวรรีไซเคิล ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรต่างๆ ถือเป็นหนึ่งในโครงการ OUR Khung BangKachao ซึ่งมูลนิธิชัยพัฒนาได้ร่วมมือกับ 34 องค์กร ในการอนุรักษ์และพัฒนาพื้นที่สีเขียวของคุ้งบางกะเจ้า จังหวัดสมุทรปราการ พร้อมทั้งพัฒนาวิถีชีวิตความเป็นอยู่และการเติบโตทางเศรษฐกิจของผู้คนในพื้นที่ให้ดียิ่งขึ้น

 

วัดจากแดงนอกเหนือจากจะเป็นศาสนสถานสำหรับประกอบพิธีกรรมทางพุทธศาสนาแล้ว ทางวัดได้เปิดหลักสูตรอบรมพระปริยัติธรรมให้กับพระภิกษุสามเณร และพุทธบริษัททั่วไป ทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ได้แก่ อังกฤษ สเปน โปรตุเกส อินโดนีเซีย ศรีลังกา พม่า จีน กัมพูชา ลาว เวียดนาม เป็นต้น พุทธศานิกชนสามารถร่วมอุปถัมภ์การเรียนพระปริยัติของพระภิกษุ สามเณร ได้ที่บัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาสำนักราษฎร์บูรณะ ชื่อบัญชี สำนักศาสนศึกษาวัดจากแดง เลขที่บัญชี 083 377873-0 ปัจจุบันทางวัดกำลังจัดทำโครงการก่อสร้างอาคารเรียนพระไตรปิฎกจากวัสดุรีไซเคิล ซึ่งจะเป็นอาคารต้นแบบที่ส่งเสริมให้คนไทยหันมาใช้วัสดุในการก่อแบบรักษ์โลก (รายละเอียดโครงการในเบื้องต้นตามโปสเตอร์

 

นอกจากนี้ วัดจากแดงยังเป็นศูนย์การเรียนรู้สิ่งแวดล้อมให้กับนักเรียน นักศึกษา องค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไป ในการคัดแยกขยะ การแปรรูปเศษอาหาร การทำปุ๋ยหมักชีวภาพ ฯลฯ  ซึ่งถือเป็นสถานที่ที่มีความพร้อมมากในการนำขยะพลาสติก โฟม กล่องนม UHT ที่ได้รับบริจาคไปเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลที่เหมาะสม เช่น ขวดพลาสติกใส PET นำไปทำเป็นผ้าจีวรนาโน (ฝีมือตัดเย็บจีวรโดยกลุ่มแม่บ้านในชุมชน) หรือชุด PPE สำหรับใช้ในสถานการณ์โควิด 19กุฏิสงฆ์จากกล่องนม UHT ที่ช่วยลดอุณหภูมิความร้อนจากภายนอกน้ำมันเชื้อเพลิงจากถุงพลาสติก หรือขวดพลาสติก, ก้อนอิฐ หรือเก้าอี้ม้านั่ง จากเม็ดโฟมผสมคอนกรีต เป็นต้น ซึ่งเป็นวิธีการที่ช่วยลดปัญหามลพิษต่อสิ่งแวดล้อม ลดปริมาณการทำลายระบบนิเวศ (Ecosystem) ช่วยลดภาวะโลกร้อน และยังเป็นการสร้างงานให้กับคนในชุมชนใกล้เคียงซึ่งมีทั้งคนแก่และคนพิการรวมอยู่ด้วย

การดำเนินโครงการร่วมใจรักษ์สิ่งแวดล้อมครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 27

เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี ..2563 สืบเนื่องจากนโยบายของภาครัฐในการลดขยะพลาสติกที่กำลังเป็นปัญหาต่อสิ่งแวดล้อมของไทย ประกอบกับในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของประเทศไทย ภาครัฐได้ออกมาตรการต่างๆและขอให้หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ใช้นโยบาย Work from home เพื่อหยุดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019  จึงเป็นผลให้พฤติกรรมในการบริโภคของประชากรส่วนใหญ่เปลี่ยนไป ผู้คนในวัยทำงานและวัยกำลังศึกษานิยมสั่งซื้ออาหารและเครื่องดื่มแบบเดลิเวอรี่กันเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดปัญหาขยะพลาสติกและโฟมเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ดร.ประสิทธิ์ และทีมงานจิตอาสา จึงได้ร่วมกันดำเนินการเก็บ รวบรวม และคัดแยกขยะขวดพลาสติก ภาชนะใส่อาหารและเครื่องดื่มที่ทำจากพลาสติก กล่องนม และกล่องโฟมที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน นำไปบริจาคที่วัดจากแดง จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อเข้าสู่กระบวนกำจัดขยะที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ และยังเป็นการทำให้ขยะเหล่านี้กลายเป็นผลผลิตใหม่ (Recycle) ที่นำกลับมาให้ใช้งานได้จริง ขยะพลาสติกจำพวกถุงพลาสติก ขวดพลาสติกขุ่น หลอดกาแฟ แก้วพลาสติก ที่ไม่สามารถนำมา recycle ได้อีก ก็จะนำไปเข้าสู่กระบวนการไพโรไลซิส (Pyrolysis) แปรรูปเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับใช้ในรถยนต์และเครื่องจักรกลทางการเกษตรของวัดจากแดง ช่วยลดค่าใช้จ่ายในเรื่องน้ำมันเชื้อเพลิง อีกทั้งยังเป็นการสร้างงานให้กับคนยากจน ผู้พิการ และผู้ด้อยโอกาส (ส่วนใหญ่เป็นคนไทยและต่างชาติที่อาศัยอยู่ในบริเวณชุมชนใกล้เคียงวัดจากแดง ปัจจุบันมีประมาณ 30 คน

 

โครงการนี้แม้เป็นโครงการเล็กๆ แต่ให้คุณประโยชน์มหาศาลต่อสุขภาพและชีวิตของคน พืช และสัตว์ ในระยะยาว เพราะวิถีชีวิตคนในเมืองที่มีความเร่งรีบและต้องใช้ชีวิตแข่งกับเวลาอยู่ทุกวัน ย่อมเป็นเรื่องยากที่จะรณรงค์ให้ผู้คนในเมืองส่วนใหญ่ลดการใช้พลาสติกได้อย่างแท้จริง หากปล่อยให้ทางภาครัฐจัดการขยะพลาสติกเหล่านี้เองตามลำพัง ด้วยวิธีการทำลายแบบฝังกลบ (ใช้เวลาอีกยาวนานกว่าจะขยะพลาสติกจะย่อยสลาย) ซึ่งอาจทำให้เกิดการตกหล่นไปอุดตันในท่อระบายน้ำ หรือไปตกหล่นอยู่ในแหล่งน้ำธรรมชาติ ทำให้เกิดแหล่งเพาะเชื้อโรค ขยะบางส่วนจะถูกกำจัดโดยวิธีที่ไม่ถูกต้อง เช่น เทกองรวมกัน การเผาในเตาแบบไม่มีระบบบำบัดมลพิษทางอากาศ การเผากำจัดกลางแจ้ง เป็นต้น สุดท้ายจะก่อให้เกิดผลเสียต่อระบบนิเวศ (Ecosystem) และทำลายสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติที่อยู่รอบตัวเรา เมื่อเวลาผ่านไปยาวนาน จะก่อให้เกิดธรรมชาติที่ผิดเพี้ยนไป ในที่สุดจะส่งผลกระทบทางลบต่อชีวิตสัตว์ พืช และมนุษย์ ให้ดำรงชีวิตได้อย่างลำบากมากขึ้น
ประธานมูลนิธิและทีมงานจิตอาสา จึงมีความตระหนักและเห็นคุณค่าการทำประโยชน์เพื่อสังคมในด้านสิ่งแวดล้อมว่าเป็นเรื่องที่จำเป็น โดยยืนหยัดที่จะทำต่อไป อย่างน้อยก็เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับหลายๆองค์กรทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ได้มีแรงบันดาลใจในการทำความดีเพื่อสังคมและประเทศชาติอย่างไม่มีคำว่า สิ้นสุด เพราะสุดท้ายคนที่ได้รับประโยชน์ที่แท้จริงก็คือพวกเราทุกคน

หมายเหตุ สำหรับจิตอาสาท่านใดที่ประสงค์จะร่วมบริจาคขยะพลาสติกที่ใช้งานแล้ว กล่องนม ขวดพลาสติกที่ใส่เครื่องดื่ม จานโฟมใส่อาหาร หรือห่อผลไม้ ที่ทำความสะอาดในเบื้องต้นแล้ว (แห้งและสะอาด) สามารถจัดส่งพัสดุทางไปรษณีย์ไปที่ วัดจากแดง .ทรงคนอง .พระประแดง .สมุทรปราการ ได้โดยตรง ทางวัดจากแดงมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลและเปิดรับบริจาคทุกวันไม่เว้นเสาร์อาทิตย์และวันหยุดราชการ

5) บุคคลคุณภาพแห่งปี 2024 ด้านเด็กและเยาวชน

 

ดร.ธาริษา วัฒนเกส (อายุ 75 ปี)

 ประธานกรรมการ มูลนิธิสายเด็ก 1387

 

 1. หน้าที่ความรับผิดชอบในปัจจุบัน

     1. ประธานกรรมการ มูลนิธิสายเด็ก 1387

     2. กรรมการกลาง มูลนิธิรามาธิบดี ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

     3. กรรมการมูลนิธิหัวใจแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

     4. ประธานกรรมการ มูลนิธิโรงเรียนบางกอกพัฒนา

     5. กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

     6. กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 2. ประวัติการศึกษา

     ·      ปริญญาเอก เศรษฐศาสตร์กิตติมศักดิ์ มหาวิทยาลัยเคโอะ ประเทศญี่ปุ่น

     ·      ปริญญาเอก เศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา

     ·      ปริญญาโท เศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเคโอะ ประเทศญี่ปุ่น

     ·      ปริญญาตรี เศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเคโอะ ประเทศญี่ปุ่น

     ·      Advanced Management Program (AMP), Harvard Business School สหรัฐอเมริกา

     ·      Director Certification Program (DCP) 4/2000 สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย

     ·      Driving Company Success with IT Governance (ITG) 3/2016 สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย

     ·      IT Governance and Cyber Resilience Program (ITG) 13/2020 สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย

     ·      ประกาศนียบัตร หลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ภาครัฐ เอกชน และการเมือง (วปม.) รุ่นที่ 3 วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร

3. ประวัติการทำงาน

      ·      พ.ศ. 2549-2553 ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย

     ·      พ.ศ. 2549-2552 ประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย

     ·      พ.ศ. 2549-2553 ประธานคณะกรรมการนโยบายการเงิน

     ·      พ.ศ. 2549-2553 ประธานคณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน

     ·      พ.ศ. 2549-2553 ประธานคณะกรรมการระบบการชำระเงิน

     ·      พ.ศ. 2549-2553 กรรมการ คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

     ·      พ.ศ. 2549-2553 กรรมการ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

     ·      พ.ศ. 2549-2553 กรรมการ คณะกรรมการบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย

     ·      พ.ศ. 2549-2560 กรรมการ คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย

     ·      พ.ศ. 2554 ผู้ทรงคุณวุฒิในการประเมินภาคสถาบันการเงินของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ

     ·      พ.ศ. 2554-2560 กรรมการอิสระและกรรมการตรวจสอบ คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย

     ·      พ.ศ. 2554-2560 Member, APD Advisory Group, Asia Pacific Department, IMF, Washington, D.C., U.S.A.

     ·      พ.ศ. 2555-2560 กรรมการ Thailand Philharmonic Orchestra

     ·      พ.ศ. 2555-2556 Member, International Advisory Panel, State Bank of Vietnam, Vietnam

     ·      พ.ศ. 2556-2556 Member, World Bank-IMF Joint Committee on Remuneration of Executive Directors and Alternates

     ·      พ.ศ. 2556-2557 Associate, Alliance for Financial Inclusion, Thailand

     ·      พ.ศ. 2556-2561 Senior Advisor, Promontory Financial Group, Washington, D.C., U.S.A.

     ·      พ.ศ. 2558-2558 Short-Term Consultant, World Bank Independent Evaluation Group

 การดำรงตำแหน่งในภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคสังคม

    ·      ตั้งแต่ พ.ศ. 2549 กรรมการ สถาบันป๋วย อึ๊งภากรณ์

    ·      ตั้งแต่ พ.ศ. 2549 กรรมการ มูลนิธิบูรณะชนบทแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์

    ·      ตั้งแต่ พ.ศ. 2553 กรรมการ มูลนิธิรามาธิบดี ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

    ·      ตั้งแต่ พ.ศ. 2554 กรรมการ มูลนิธิหัวใจแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

    ·      ตั้งแต่ พ.ศ. 2554 กรรมการ คณะกรรมการแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต

    ·      ตั้งแต่ พ.ศ. 2556 ที่ปรึกษาอาวุโส, Advisory Board, Central Banking Publication, U.K.

     ·      ตั้งแต่ พ.ศ. 2556 กรรมการ ประธานกรรมการตรวจสอบ กรรมการบรรษัทภิบาลและสรรหา กรรมการอิสระ บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัทในกลุ่ม

     ·      ตั้งแต่ พ.ศ. 2558 ประธาน มูลนิธิสายเด็ก 1387

     ·      ตั้งแต่ พ.ศ. 2559 กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

     ·      ตั้งแต่ พ.ศ. 2559 อุปนายก สมาคมไทย-ญี่ปุ่น

     ·      ตั้งแต่ พ.ศ. 2560 กรรมการ Mitsubishi UFJ Financial Group

     ·      ตั้งแต่ พ.ศ. 2563 กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

     ·      ตั้งแต่ พ.ศ. 2563 กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

     ·      ตั้งแต่ พ.ศ. 2563 ประธานกรรมการ มูลนิธิโรงเรียนบางกอกพัฒนา

4. นโยบายและอุดมการณ์ในการทำงาน

     ·      ยืนตรง มองไกล ติดดิน

5. ความสำเร็จในชีวิตการทำงาน

     ·      ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย โดยยึดนโยบายธำรงไว้ซึ่งความน่าเชื่อถือของธนาคารแห่งประเทศไทย ท่ามกลางความกดดันจากนักการเมือง

6. ทรรศนะต่อวงการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

     ·      ประเทศไทยมีนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยเก่งๆ แต่ยังมีความจำเป็นที่จะ ร่วมกันทำงานข้ามสถาบันให้มีความเข็มแข็งมากขึ้น และอยากเห็นการสื่อสาร / การสนับสนุน / การชักจูงในรูปแบบที่น่าสนใจเพื่อให้เด็กและเยาวชนเห็นว่าวิทยาศาสตร์เป็นเรื่องใกล้ตัวที่น่าสนใจและหันมาศึกษาด้าน STEM มากขึ้น  

    ·      การให้ความรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และวิทยาการใหม่ๆ เช่น Radiolab, Hidden Brain, ใดๆในโลกล้วนฟิสิกส์ น่าเสียดายที่รายการที่เป็นประโยชน์และสร้างความสนใจต่อวิทยาศาสตร์เช่นนี้กลับไม่มีพิธีกรอื่นมาดำเนินรายการ

7. กิจการอันเป็นคุณประโยชน์เพื่อสังคม สาธารณกุศล

     ·      ดร.ธาริษา วัฒนเกส ภายหลังจากเกษียณในตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยแล้ว ท่านยังเสียสละอุทิศตนทำงานให้กับภาครัฐและองค์กรการกุศลสาธารณะอีกมากมาย หนึ่งในงานที่ท่านได้ทำมาร่วม 10 ปี คือ ในฐานะประธานมูลนิธิสายเด็ก 1387  ซึ่งเป็นองค์กรสาธารณประโยชน์เพื่อคุ้มครองสิทธิเด็กตามสนธิสัญญาขององค์กรนานาชาติว่าด้วยสิทธิเด็ก เปิดให้บริการโทรฟรี 24 ชั่วโมง 365 วันตลอดปี เพื่อให้คำแนะนำปรึกษาในทุกๆเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเด็กและครอบครัว โดยเฉพาะด้านสิทธิเด็ก รวมถึงให้ความช่วยเหลือเด็กโดยการประสานงานกับภาครัฐและเอกชนที่รับผิดชอบเรื่องสิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 ทั้งนี้ มูลนิธิสายเด็ก 1387 เป็นหนึ่งในเครือข่ายองค์กร Child Helpline International ซึ่งมีสมาชิกกว่า 150 ประเทศ สำหรับงานหลักของมูลนิธิสายเด็ก 1387 นั้น นอกจากสายด่วน 1387 ที่มีผู้ใช้บริการประมาณ 150,000 สายต่อปีแล้ว มูลนิธิฯ ยังบริหาร "เดอะฮับ สายเด็ก" ซึ่งก่อตั้งขึ้นโดยความร่วมมือกับมูลนิธิเอกซอดัส ประเทศออสเตรเลียเมื่อ พ.ศ. 2554 ณ บริเวณใกล้เคียงสถานีรถไฟหัวลำโพง เพื่อเป็นแหล่งพักพิงของเด็กเร่ร่อนและเด็กด้อยโอกาสที่เดินทางมาจากทั่วประเทศ ไม่ให้ถูกล่อลวงไปในหนทางของมิจฉาชีพ และใช้เป็นสถานที่ฝึกอบรมทักษะด้านต่างๆให้เด็กและเยาวชนสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างมีคุณภาพ

     ·      99% ของเด็ก ๆ ที่มาใช้บริการของเดอะฮับ ต่างได้รับประสบการณ์ความรุนแรงทั้งทางร่างกายและจิตใจ เนื่องจากพวกเขามักถูกแกงค์ค้ายาเสพติดทำร้ายร่างกายหรือถูกกลุ่มค้าประเวณีล่วงละเมิดทางเพศ เด็กหลายคนต้องทนทุกข์ทรมานจากภาวะซึมเศร้า โดยมีเหตุจากการถูกทอดทิ้ง บางคนอาจจะหนีออกจากบ้านเองเพื่อหลบหนีจากความอึดอัดคับข้องใจ ไม่มีความสุข หรือบางคนก็ไม่มีทั้งครอบครัวและเพื่อนคอยดูแลเลย  ในช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมามูลนิธิสายเด็ก 1387 ได้ให้ความช่วยเหลือเด็กๆ ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยมากกว่า 1.2 ล้านคน ในทุกๆเดือนมีเด็กๆมากกว่า 1,000 คน ติดต่อขอความช่วยเหลือจากสายด่วน 1387 เพื่อรับความช่วยเหลือฉุกเฉินจากพี่ๆสายเด็ก 1387 พร้อมให้บริการออนไลน์ 24 ชั่วโมง ทุกวัน และทุกๆ 15 นาที จะมีเด็กติดต่อขอรับความช่วยเหลือ โดยให้บริการฟรี ไม่คิดค่าใช้จ่าย เช่น การให้คำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญ (แพทย์ พยาบาล นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ ครูอาสา) การให้ความช่วยเหลือเร่งด่วน การจัดการเคส และการช่วยเหลือทางกฎหมายถึงเด็กและเยาวชนที่มีอายุไม่เกิน 18 ปี  มูลนิธิมีความมุ่งมั่นอยากเห็นสังคมที่ดีขึ้นมีปลอดภัย เด็กและเยาวชนมีความสุข และมีส่วนร่วมในการสร้างสังคมที่น่าอยู่มากขึ้น เพื่อให้แน่ใจว่าเด็กๆ ในประเทศไทยเข้าถึงการคุ้มครอง เข้าถึงบริการสุขภาพ และบริการขั้นพื้นฐานและได้รับสวัสดิการ และสิทธิต่างๆ ที่ควรได้รับจากรัฐตามข้อตกลงที่รัฐบาลไทยยึดถือผ่านการให้สัตยาบันอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิเด็ก

     ·      นอกเหนือจากงานประธานมูลนิธิสายเด็ก 1387 ที่คอยช่วยเหลือเด็กที่ถูกรอนสิทธิที่ควรจะมีตามกฎบัตรสหประชาชาติแล้ว ดร.ธาริษา ยังเป็นกรรมการในมูลนิธิอื่นๆอีกหลายแห่ง ได้แก่ มูลนิธิรามาธิบดีในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี มูลนิธิหัวใจแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี มูลนิธิโรงเรียนบางกอกพัฒนา เป็นต้น

8. ความภาคภูมิใจและรางวัลเกียรติยศที่ได้รับ

        8.1 เครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่ได้รับ

              - พ.ศ. 2564 เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 2 ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย (ท.ม.)

              - พ.ศ. 2551 เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 3 ตริตาภรณ์ช้างเผือก (ต.ช.)

        8.2 รางวัลเกียรติยศที่ได้รับ

               -     พ.ศ. 2544 ผู้นำดีเด่น ระดับบริหาร ธนาคารแห่งประเทศไทย

             -   พ.ศ. 2549 งานวิจัยดีเด่นส่วนบุคคล เรื่อง "การเปิดเสรีและเสถียรภาพของระบบธนาคารพาณิชย์ไทย" หลักสูตร วปม. รุ่นที่ 3 ประจำปีการศึกษา 2548 - 2549 สถาบันป้องกันราชอาณาจักร

4) บุคคลคุณภาพแห่งปี 2024 ด้านสังคม

  

คุณเอมอร ศรีวัฒนประภา (อายุ 67 ปี)

 ประธานกรรมการ มูลนิธิ วิชัย ศรีวัฒนประภา

1.    หน้าที่ความรับผิดชอบในปัจจุบัน

     1.     ประธานกรรมการ มูลนิธิ วิชัย ศรีวัฒนประภา

     2.     ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์

     3.     รองประธาน มูลนิธิสุนทราภรณ์ ในพระราชูปถัมป์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

     4.     กรรมการอำนวยการจัดงาน "เพื่อนพึ่ง (ภา)

     5.     กรรมการ ในคณะกรรมการเอกลักษณ์แห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี (ในสัดส่วนผู้แทนภาคเอกชนด้านการส่งเสริม เอกลักษณ์ของชาติ การเผยแพร่และการประชาสัมพันธ์ และด้านการบริหาร)

     6.     อนุกรรมการ ในคณะอนุกรรมการผู้ดำเนินโครงการเด็กไทยต้นแบบ หรือ เด็กอวด(ทำ)ดี สำนักนายกรัฐมนตรี

     7.     ที่ปรึกษา คณะกรรมการอำนวยการสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์

2. ประวัติการศึกษา

·      ศิลปศาสตร์บัณฑิต (รัฐศาสตร์) มหาวิทยาลัยรามคำแหง

          ·      ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวัฒนธรรมเพื่อการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยรามคำแหง (พ.ศ. 2552)

          ·      ปริญญาพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาพระพุทธศาสนา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (พ.ศ. 2560)

3. ประวัติการทำงาน

·      เริ่มทำงานเมื่อ พ.ศ. 2536 ตำแหน่งรองประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บริษัท คิง เพาเวอร์ แท็กฟรี จำกัด

          ·      ประธานกรรมการ บริษัท คิง เพาเวอร์ แท็กซ์ฟรี จำกัด

          ·      ประธานกรรมการ บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด

          ·      ประธานกรรมการ บริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด

          ·      ประธานกรรมการ บริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด

          ·      ประธานกรรมการ บริษัท คิง เพาเวอร์ โฮเทล เมเนจเม้นท์ จำกัด

          ·      ประธานกรรมการ บริษัท คิง เพาเวอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด

          ·      ประธานกรรมการ บริษัท คิง เพาเวอร์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด

          ·      ประธานกรรมการ บริษัท คิง เพาเวอร์  เออิวิชั่น จำกัด

          ·      ประธานกรรมการ บริษัท คิง เพาเวอร์  คอร์ปอเรชั่น จำกัด

          ·      ประธานกรรมการ บริษัท วี แอนด์ เอ โฮลดิ้ง จำกัด

          ·      ประธานกรรมการ บริษัท เอมธรรมชาติ จำกัด

4. นโยบายและอุดมการณ์ในการทำงาน

·      สานต่อคุณงามความดี ตามเจตนารมณ์ของการเป็นผู้ให้ที่ไม่หวังสิ่งใดตอบแทนของคุณวิชัย ศรีวัฒนประภา อดีตประธานกรรมการมูลนิธิ คิง เพาเวอร์ ภายใต้แนวคิดสร้างโอกาส และความเป็นไปได้ให้แก่ผู้คนในสังคม ด้านการศึกษา สาธารณสุข และศาสนา

5. ความสำเร็จในชีวิตการทำงาน

นอกเหนือจากการบริหารงานในธุรกิจของครอบครัวแล้ว ยังได้รับโอกาสอันดีจากหน่วยราชการและองค์กรการกุศลหลักของประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งในองค์กรบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ ดังนี้

         ·      รองประธาน มูลนิธิสุนทราภรณ์ ในพระราชูปถัมป์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

         ·      กรรมการอำนวยการจัดงาน "เพื่อนพึ่ง (ภา)

         ·      กรรมการ ในคณะกรรมการเอกลักษณ์แห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี (ในสัดส่วนผู้แทนภาคเอกชนด้านการส่งเสริมเอกลักษณ์ของชาติ การเผยแพร่และการประชาสัมพันธ์ และด้านการบริหาร)

         ·      อนุกรรมการ ในคณะอนุกรรมการผู้ดำเนินโครงการเด็กไทยต้นแบบ หรือ เด็กอวด(ทำ)ดี สำนักนายกรัฐมนตรี

         ·      คณะกรรมการอำนวยการสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์

6. ทรรศนะต่อวงการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

·      ปัจจุบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมีความสำคัญอย่างยิ่ง ดังนั้น จึงควรสนับสนุนและส่งเสริมให้เยาวชนมีความรู้ กล้าคิดนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อเป็นประโยชน์ในการพัฒนาประเทศต่อไป

7. กิจการอันเป็นคุณประโยชน์เพื่อสังคม สาธารณกุศล

·      คุณเอมอร ศรีวัฒนประภา ในฐานะประธานกรรมการมูลนิธิประธานกรรมการ มูลนิธิวิชัย ศรีวัฒนประภา ได้ตระหนักถึงความสำคัญด้านการศึกษา เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่ส่งผลต่อการพัฒนาเยาวชนไทย ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญของประเทศในระยะยาว แต่เนื่องจากปัญหาความยากจนและขาดแคลนทุนทรัพย์ จึงทำให้เยาวชนของประเทศขาดโอกาสทางการศึกษา มูลนิธิวิชัย ศรีวัฒนประภา จึงได้จัดทำโครงการมอบทุนการศึกษา เพื่อคัดเลือกเยาวชนที่ยากจน ขาดบุพการีหรือผู้อุปการะ มีคุณสมบัติเหมาะสม มีความประพฤติดี และอยู่อาศัยในพื้นที่ห่างไกล ทุรกันดาร เพื่อให้เยาวชนเหล่านี้ได้มีโอกาสศึกษาต่อในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น มัธยมศึกษาตอนปลาย หรือหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) โดยมูลนิธิฯได้ให้การสนับสนุนด้านการศึกษา ดังนี้

           ·   พ.ศ. 2563 - ปัจจุบัน โครงการมอบทุนการศึกษา รวม 5 รุ่น รวมจำนวน 70 ทุน

           ·   พ.ศ. 2562 - ปัจจุบัน สนับสนุนทุนการศึกษา สถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา  ปีละ 1,000,000 บาท

           ·    ในด้านสาธารณสุข คุณเอมอร ในฐานะประธานกรรมการมูลนิธิได้ตระหนักถึงความสำคัญด้านสาธารณสุข เพราะเป็นพื้นฐานสำคัญในการดำรงชีวิตของประชาชนทุกระดับ จึงได้ให้การสนับสนุนด้านการแพทย์และการสาธารณสุข เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการเสริมสร้าง และพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ดีขึ้น จึงได้จัดทำโครงการด้านสาธารณสุข ได้แก่โครงการพลังคนไทย พลังใจให้ชีวิต โดยมอบตู้อบเด็กและร่วมบริจาคเงินสนับสนุนการดำเนินงานของโรงพยาบาลต่างๆ และโครงการมอบรถพยาบาลฉุกเฉิน มีวัตถุประสงค์เพื่อรองรับการออกปฏิบัติการช่วยชีวิตผู้ป่วยอุบัติเหตุหรือฉุกเฉินของโรงพยาบาลขนาดเล็กที่ห่างไกล อยู่ในถิ่นทุรกันดาร มีความจำเป็นต้องส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลอื่น ดังนี้

            ·     พ.ศ. 2562-ปัจจุบัน มอบตู้อบเด็กทารก รวม 70 เครื่อง ให้กับ 70 โรงพยาบาล

            ·     พ.ศ. 2563 บริจาครถพยาบาลฉุกเฉิน จำนวน 3 คัน ให้กับ 3 โรงพยาบาล

            ·     พ.ศ. 2563 บริจาคเงินสนับสนุนการดำเนินงาน Covid-19 ให้แก่สถาบันบำราศนราดูร จำนวน 20,000,000 บาท

            ·     พ.ศ. 2563 บริจาคเงินสนับสนุนการดำเนินงาน Covid-19 ให้แก่มูลนิธิรามาธิบดี จำนวน 20,000,000 บาท

            ·     พ.ศ. 2563 มอบกรมธรรม์ประกันภัย Covid-19 ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข จำนวน 5,000,000 บาท

            ·     พ.ศ. 2565 สนับสนุนเงิน 3,000,000 บาท ให้กับโรงพยาบาลวชิรพยาบาลเพื่อนำไปปรับปรุงหอผู้ป่วยสามัญ พร.158

            ·     พ.ศ. 2565 บริจาครถตู้เอนกประสงค์ให้กับมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จำนวน 1 คัน

            ·     พ.ศ. 2567 บริจาครถเข็นนั่งสำหรับผู้ป่วย (Wheelchair) ให้แก่องค์การทหารผ่านศึก ในพระบรมราชูปถัมภ์ จำนวน 105 คัน บรรเทาทุกข์จากภัยพิบัติต่างๆ อาทิ อุทกภัย

            ·     พ.ศ. 2565 บริจาคเงินเพื่อสนับสนุนในโครงการ "เครือข่ายเตือนภัยพิบัติชุมชนเพื่อนพึ่ง (ภาฯ)" ของมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย เพื่อเสริมสร้างให้ชุมชนมีความพร้อมในการเฝ้าระวังเตือนภัยก่อนเกิดอุทกภัยอย่างมีประสิทธิภาพ

8. ความภาคภูมิใจและรางวัลเกียรติยศที่ได้รับ

     8.1 เครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่ได้รับ

·     พ.ศ. 2564 เครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นประถมาภรณ์มงกุฎไทย

3) บุคคลคุณภาพแห่งปี 2024 ด้านสาธารณสุข

  

พลตรี ธำรงโรจน์  เต็มอุดม (อายุ 60 ปี)

ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า

1    หน้าที่ความรับผิดชอบในปัจจุบัน

      1.   ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า

      2.   ผู้อำนวยการวิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้าฯ

      3.   ประธานมูลนิธิโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

      4.   ประธานมูลนิธิเพื่อวิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า

2. ประวัติการศึกษา

·   พ.ศ. 2523 สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย

           ·   พ.ศ. 2526 สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา

           ·   พ.ศ. 2531 ปริญญาตรี แพทยศาสตรบัณฑิต วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า

           ·   พ.ศ. 2535 วุฒิบัตรศัลยศาสตร์ วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า

           ·   พ.ศ. 2540 Fellow in Surgery, Mayo Medical School and Mayo Clinic, U.S.A.

           ·   พ.ศ. 2540 Fellow in Surgery, Royal College of Physicians and Surgeons of Canada, Canada

           ·   พ.ศ. 2541  Fellow in Vascular Surgery, Mount Sinai Medical Center, New York, U.S.A.

           ·   พ.ศ. 2541  Fellow in Vascular Surgery, Royal College of Physicians and Surgeons of Canada, Canada

           ·   พ.ศ. 2547 ศัลยศาสตร์หลอดเลือด แพทยสภา

           ·   พ.ศ. 2554 หลักสูตรหลักประจำ วิทยาลัยการทัพบก รุ่นที่ 56

           ·   พ.ศ. 2561 หลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ รุ่นที่ 61

3. ประวัติการทำงาน

 ·    พ.ศ. 2531 นายแพทย์ ร้อย.สสช.ร.2 พัน 2 รอ. กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์  

           ·    พ.ศ. 2533 ประจำกรมแพทย์ทหารบก

           ·   พ.ศ. 2542 ศัลยแพทย์ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า

           ·   พ.ศ. 2545 ศัลยแพทย์ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า

           ·   พ.ศ. 2549 อาจารย์วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า

           ·    พ.ศ. 2550 ศัลยแพทย์ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า

           ·    พ.ศ. 2557 นปก.ประจำ ศวพท.วท.กห.

           ·    พ.ศ. 2557 ประจำ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม

           ·    พ.ศ. 2560 อาจารย์ หัวหน้าภาควิชา วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า

           ·    พ.ศ. 2560 ผู้อำนวยการกองศัลยกรรม โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า

           ·    พ.ศ. 2562 รองผู้อำนวยการวิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า

           ·    พ.ศ. 2564 ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ทหาร

           ·    พ.ศ. 2565-2567 ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า / ผู้อำนวยการวิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้าฯ

 ความเชี่ยวชาญพิเศษ

           ·     ศัลยแพทย์หลอดเลือด โรงพยาบาลกรุงเทพ

           ·     ศัลยศาสตร์หลอดเลือด โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

           ·      ศัลยศาสตร์หลอดเลือด โรงพยาบาลเวชธานี

4. นโยบายและอุดมการณ์ในการทำงาน

  ·     คิดดี ทำดี พูดดี ทุกวัน

5. ความสำเร็จในชีวิตการทำงาน

  ·   ส่งเสริม สนับสนุน และผลักดันให้สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ทหาร ได้รางวัลผลงานวิจัยและหน่วยวิจัยดีเด่นด้านหลักการ ผลงานวิจัยดีเด่นอันดับ 1 ของกองทัพบก ประจำปี 2564

            ·   อำนวยการ พิธีเปิดอาคารเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดอาคาร เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2566    

           ·    ส่งเสริม สนับสนุน ผลักดัน โครงการ PMK Smart Application

           ·   ส่งเสริม สนับสนุน และผลักดันให้การดำเนินงานของโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ซึ่งเป็นโรงพยาบาลกองทัพบกแห่งแรก ที่ได้รับรางวัลการรับรองกระบวนการคุณภาพ สถานพยาบาลขั้นก้าวหน้าตามมาตรฐานโรงพยาบาลและบริการสุขภาพ ฉบับที่ 5  (Advanced Healthcare Accreditation Program) Advance-HA 16/02/2024-15/02/2028 ซึ่งสร้างความภาคภูมิใจให้กับกำลังพล แพทย์และบุคลากรและยังสร้างชื่อเสียงให้กับกองทัพบก ในการให้บริการทางการแพทย์ที่เป็นมาตรฐานสากล มีการฝึกอบรมบุคลากรทางการแพทย์ให้มีการทำวิจัยและนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำภารกิจของกองทัพบกในการให้บริการทางสาธารณสุขแก่ประชาชนทั้งประเทศ ให้สามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่มีมาตรฐานสากล

6. ทรรศนะต่อวงการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

·   วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นศาสตร์ที่มีความสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันที่ได้ก้าวเข้าสู่ยุคดิจิตอล ซึ่งประเทศไทยนั้น มีทรัพยากรที่มีศักยภาพทัดเทียมนานาประเทศ ทั้งในด้านบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ การสนับสนุนและผลักดันจากรัฐบาล ความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและเอกชน ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาและต่อยอดความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างไม่หยุดนิ่ง เพื่อให้สามารถพัฒนาสู่ระดับสากลอย่างยั่งยืน

7. กิจการอันเป็นคุณประโยชน์เพื่อสังคม สาธารณกุศล

·      ประธานมูลนิธิโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

          ·      ประธานมูลนิธิเพื่อวิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า

          ·      ภารกิจการตรวจคัดกรอง Covid-19 เชิงรุก ให้กับกำลังพลกองทัพบก และประชาชนทั่วไป โดยใช้รถชีวนิรภัยกองทัพบก

          ·      ผลักดันนโยบายของกองทัพบกให้เป็นรูปธรรมหลายโครงการ เพื่อให้บริการด้านสาธารณสุขกับประชาชนทั่วประเทศให้ได้รับบริการทางการแพทย์ที่มีมาตรฐานสากล ให้การส่งเสริมและสนับสนุนให้บุคลากรทางแพทย์ได้ฝึกอบรมและทำผลงานวิจัยและนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง และยกระดับการให้บริการของโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องในโอกาสที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าครบรอบปีที่ 70 ในปีพุทธศักราช 2566  โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ได้จัดทำโครงการนำระบบสารสนเทศมาใช้เพื่ออำนวยความสะดวกและลดการคับคั่งของผู้มารับบริการทางการแพทย์ของโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ในชื่อโครงการ PMK Smart Application” โครงการนี้เป็นโครงการที่ได้รับนโยบายจากกองทัพบกที่ต้องการนำความเจริญและความทันสมัยทางเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าจึงนำระบบสารสนเทศนั้นมาพัฒนาระบบการนัดหมาย การแจ้งคิวการตรวจ คิวการรับยา การตรวจสอบผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการและการแจ้งผลตรวจทางรังสีวิทยาของผู้มารับบริการที่แผนกผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาล ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ นอกจากนี้ PMK Smart Application ยังเพิ่มความสะดวกแก่ผู้มารับบริการโดยสามารถชำระเงินค่ารักษาพยาบาลผ่านช่องทางการชำระเงินใน application นอกเหนือจากการชำระเงินที่เคาน์เตอร์ชำระเงินและตู้ KIOS ที่มีอยู่เดิม เป็นการเพิ่มทางเลือกของการชำระเงินอีกทางหนึ่ง โครงการนี้สะท้อนให้เห็นว่า โรงพยาบาลสามารถปรับตัวเข้าสู่โลกยุคที่มีการพัฒนาโซเชียลมีเดีย บุคลากรทางการแพทย์สามารถใช้ประโยชน์ผ่านการสื่อสารที่สะดวก รวดเร็ว ลดขั้นตอนที่ซ้ำซ้อน ลดเวลาในการรอคอย และก่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการทำงานทั้งผู้ปฏิบัติและผู้มาใช้บริการ

          ·      จัดกิจกรรมจิตอาสาให้บริการตรวจรักษาโรคแด่พระภิกษุสงฆ์ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 71 พรรษา 28 กรกฎาคม 2566 ณ ศาลาการเปรียญ วัดอภัยทายาราม กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2566

          ·    เป็นผู้ผลักดันการจัดตั้ง 2 หน่วยงานใหม่ ได้แก่ ศูนย์มะเร็งโรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า เพื่อรองรับและให้บริการผู้ป่วยมะเร็งครอบคลุมทุกสาขาแบบครบวงจรด้วยบริการทางการแพทย์แผนปัจจุบันและการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ อาทิ เสต็ม เซลล์ เทคโนโลยี เข้ามาใช้ร่วมกับการรักษา ในผู้ป่วยมะเร็ง เป็นต้น และศูนย์การเรียนรู้และนวัตกรรม พร้อมศูนย์สถานการณ์จำลองทางการแพทย์ทหาร (Simulation Center for Military Medicine) ของวิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฏเกล้า เพื่อให้บริการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ ทางด้านการแพทย์และเวชศาสตร์ทหาร ตลอดจนการจัดการภัยพิบัติและภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข สำหรับนักเรียนแพทย์ทหารและกำลังพล เหล่าทหารแพทย์และเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องทั้งจากกระทรวงกลาโหมและฝ่ายพลเรือน ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 2568

8. ความภาคภูมิใจและรางวัลเกียรติยศที่ได้รับ

8.1 เครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่ได้รับ

                ·     พ.ศ. 2534 จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก (จ.ช.)        

                ·     พ.ศ. 2543 ตริตาภรณ์มงกุฎไทย (ต.ม.)                     

                ·     พ.ศ. 2547 ตริตาภรณ์ช้างเผือก (ต.ช.)          

                ·     พ.ศ. 2549 ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย (ท.ม.)      

                ·     พ.ศ. 2558 ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก (ท.ช.)

                ·     พ.ศ. 2563 ประถมาภรณ์มงกุฎไทย (ป.ม.)     

                ·     พ.ศ. 2566 ประถมาภรณ์ช้างเผือก (ป.ช.)      

           8.2 รางวัลเกียรติยศที่ได้รับ

                ·     นิสิตเก่าดีเด่น คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ประจำปี พ.ศ. 2566 ผู้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานระดับสูง ประเภทนักบริหารระดับสูงในภาครัฐ/ราชการ/วิสาหกิจ

มูลนิธิสภาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (มสวท.)

กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

สถานที่ติดต่อ :

288/52 อาคารมูลนิธิ มสวท. ถนนพหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร 10220

Tel. +66(0) 2552-5200 Fax. +66(0) 2551-4422 Email : thaifstt@gmail.com 

Copyright © 2008-2015 หากมีปัญหาในการรับชมกรุณาติดต่อ Webmaster ที่ admin@thaifstt.org